ในยุคที่ AI เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้นเรื่อยๆ คำถามที่ตามมาคือ เราจะสร้าง AI ที่ไม่เพียงแค่มีประสิทธิภาพ แต่ยังเป็นที่ยอมรับและสร้างความไว้วางใจให้กับผู้ใช้งานได้อย่างไร? คำตอบอยู่ที่การนำแนวคิด Design Thinking มาประยุกต์ใช้ในการพัฒนา AI หรือที่เราเรียกว่า Human-Centric AI นั่นเอง
Human-Centric AI คืออะไร?
Human-Centric AI คือการออกแบบและพัฒนา AI โดยยึดมนุษย์เป็นศูนย์กลาง ทำความเข้าใจความต้องการ ปัญหา และบริบทการใช้งานจริงของผู้คน เพื่อสร้าง AI ที่ใช้งานง่าย ตอบโจทย์ความต้องการ สร้างประสบการณ์ที่ดี และลดความรู้สึกอึดอัดหรือหวาดกลัวที่อาจเกิดขึ้น
ทำไม Human-Centric AI ถึงสำคัญ?
การนำ Design Thinking มาสร้าง Human-Centric AI
Design Thinking เป็นกระบวนการคิดเชิงออกแบบที่มี 5 ขั้นตอนหลัก ได้แก่ Empathize, Define, Ideate, Prototype และ Test ซึ่งในที่นี้ เราจะเน้นไปที่ 3 ขั้นตอนแรกที่สำคัญต่อการสร้าง AI ที่คน “รัก” ไม่ใช่ “กลัว”
1. Empathize: เข้าใจอย่างลึกซึ้ง
ขั้นตอนนี้คือการทำความเข้าใจผู้ใช้งานอย่างถ่องแท้ ไม่ใช่แค่ความต้องการพื้นฐาน แต่รวมถึงความรู้สึก ความคิด ประสบการณ์ และบริบทการใช้งานจริง นักพัฒนา AI ต้องสวมบทบาทเป็นผู้ใช้งาน และมองโลกผ่านสายตาของพวกเขา
วิธีการ:
ตัวอย่าง: หากต้องการสร้าง AI สำหรับดูแลผู้สูงอายุ การทำ Empathize จะช่วยให้เราเข้าใจว่า ผู้สูงอายุต้องการความช่วยเหลือในเรื่องใดบ้าง (เช่น การแจ้งเตือนเรื่องยา การเชื่อมต่อกับคนในครอบครัว) พวกเขามีความกังวลอะไรบ้างเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยี และอินเทอร์เฟซแบบไหนที่ใช้งานง่ายสำหรับพวกเขา

2. Define: กำหนดปัญหาที่แท้จริง
หลังจากรวบรวมข้อมูลจากการทำ Empathize แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการสังเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้นเพื่อระบุปัญหาที่แท้จริงของผู้ใช้งานอย่างชัดเจนและกระชับ การกำหนดปัญหาที่ถูกต้องคือหัวใจสำคัญในการพัฒนา AI ที่มีคุณค่า
วิธีการ:
ตัวอย่าง: จากตัวอย่าง AI ดูแลผู้สูงอายุ หากพบว่าผู้สูงอายุลืมรับประทานยาบ่อยครั้ง และรู้สึกโดดเดี่ยว ปัญหาที่แท้จริงอาจไม่ใช่แค่ “AI แจ้งเตือนเรื่องยา” แต่เป็น “ผู้สูงอายุต้องการระบบที่ช่วยเตือนการรับประทานยาอย่างนุ่มนวลและเป็นส่วนตัว พร้อมทั้งช่วยให้พวกเขารู้สึกเชื่อมโยงกับโลกภายนอก เพื่อลดความรู้สึกโดดเดี่ยว”
3. Ideate: ระดมสมองเพื่อหาทางออกที่สร้างสรรค์
เมื่อเข้าใจปัญหาอย่างถ่องแท้แล้ว ขั้นตอน Ideate คือการระดมสมองเพื่อสร้างสรรค์แนวคิดและโซลูชันที่เป็นไปได้มากที่สุด โดยเน้นที่ปริมาณของไอเดีย มากกว่าคุณภาพในตอนแรก เปิดใจรับฟังทุกความคิดเห็น และส่งเสริมให้เกิดการต่อยอดไอเดีย
วิธีการ:
ตัวอย่าง: จากปัญหา “ผู้สูงอายุต้องการระบบที่ช่วยเตือนการรับประทานยาอย่างนุ่มนวลและเป็นส่วนตัว พร้อมทั้งช่วยให้พวกเขารู้สึกเชื่อมโยงกับโลกภายนอก เพื่อลดความรู้สึกโดดเดี่ยว” แนวคิดที่เกิดขึ้นอาจรวมถึง:
หลังจากได้แนวคิดจำนวนมากแล้ว ทีมจะทำการคัดเลือกและปรับปรุงแนวคิดที่ดีที่สุดเพื่อนำไปสู่ขั้นตอน Prototype และ Test ต่อไป
การใช้ Design Thinking ในการสร้าง Human-Centric AI ไม่ใช่แค่กระบวนการทางเทคนิค แต่เป็นการเปลี่ยนกรอบความคิดที่ยึดมนุษย์เป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง ด้วยการทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง กำหนดปัญหาที่ชัดเจน และสร้างสรรค์แนวทางแก้ไข เราจะสามารถสร้าง AI ที่ไม่เพียงแค่ฉลาด แต่ยังเป็นมิตร เข้าถึงได้ และเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนได้อย่างแท้จริง
แหล่งที่มาของข้อมูล: