PDPA Update 2026: 5 จุดเสี่ยงที่ SME และ Startups มักมองข้าม (และวิธีแก้ไข)

ในโลกดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบการ SME และ Startups ที่อาจกำลังง่วนอยู่กับการสร้างธุรกิจและมองข้ามความสำคัญของการปฏิบัติตามกฎหมายฉบับนี้

แม้ PDPA จะประกาศใช้มาระยะหนึ่งแล้ว แต่กฎระเบียบและแนวปฏิบัติยังคงมีการอัปเดตอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับภูมิทัศน์ของข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงไป และในปี 2026 นี้ ก็มีหลายจุดที่ SME และ Startups มักพลาดกันบ่อยๆ จนอาจนำไปสู่ความเสี่ยงทางกฎหมายและชื่อเสียงขององค์กรได้ มาดูกันว่า 5 จุดเสี่ยงที่ว่ามีอะไรบ้าง พร้อมวิธีแก้ไขที่คุณนำไปปรับใช้ได้ทันที

 

1. การใช้ข้อมูลจาก Social Media โดยไม่ได้รับอนุญาต

จุดเสี่ยง: หลายธุรกิจมักใช้ข้อมูลที่ “เปิดเผยต่อสาธารณะ” บน Social Media เช่น ชื่อ รูปโปรไฟล์ ความคิดเห็น หรือแม้แต่ข้อมูลติดต่อ เพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาด การวิเคราะห์ลูกค้า หรือการติดต่อโดยตรง โดยเข้าใจผิดว่าข้อมูลเหล่านั้นสามารถนำมาใช้ได้โดยอิสระ แต่ในความเป็นจริงแล้ว การใช้ข้อมูลส่วนบุคคลไม่ว่าจะเป็นช่องทางใดก็ตาม จำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล หรือมีฐานทางกฎหมายอื่นๆ รองรับ

วิธีแก้ไข:

  • ขอความยินยอมอย่างชัดเจน: หากต้องการใช้ข้อมูลจาก Social Media เพื่อวัตถุประสงค์ที่นอกเหนือจากการใช้งานปกติของแพลตฟอร์ม (เช่น นำรูปโปรไฟล์ไปใช้ในโฆษณา) ต้องขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลอย่างชัดเจนและระบุวัตถุประสงค์ให้ครบถ้วน
  • ตรวจสอบข้อกำหนดของแพลตฟอร์ม: แพลตฟอร์ม Social Media แต่ละแห่งมีข้อกำหนดและเงื่อนไขการใช้งานข้อมูลที่แตกต่างกัน ควรศึกษาและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
  • ใช้เครื่องมือที่ถูกต้อง: หากใช้เครื่องมือวิเคราะห์ Social Media ให้แน่ใจว่าเครื่องมือเหล่านั้นปฏิบัติตาม PDPA และมีความโปร่งใสในการจัดการข้อมูล

 

2. การติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) โดยไม่แจ้งให้ทราบ

จุดเสี่ยง: การติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อรักษาความปลอดภัยเป็นเรื่องปกติ แต่การบันทึกภาพบุคคลถือเป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล หากไม่แจ้งให้ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ทราบถึงวัตถุประสงค์และวิธีการเก็บรักษาข้อมูล อาจเข้าข่ายละเมิด PDPA ได้

วิธีแก้ไข:

  • ติดป้ายแจ้งเตือนที่ชัดเจน: ติดป้ายประกาศการติดตั้งกล้องวงจรปิดในบริเวณที่เห็นได้ชัดเจน ระบุวัตถุประสงค์ของการบันทึกภาพ (เช่น เพื่อรักษาความปลอดภัย) และช่องทางการติดต่อหากมีข้อสงสัย
  • จำกัดพื้นที่การติดตั้ง: ติดตั้งกล้องเฉพาะในพื้นที่ที่จำเป็นและสมเหตุสมผล หลีกเลี่ยงการติดตั้งในพื้นที่ส่วนตัว เช่น ห้องน้ำ ห้องแต่งตัว หรือห้องพักพนักงาน เว้นแต่มีเหตุผลจำเป็นและมีมาตรการป้องกันที่เหมาะสม
  • กำหนดระยะเวลาการเก็บข้อมูล: กำหนดระยะเวลาที่เหมาะสมในการจัดเก็บข้อมูลภาพจากกล้องวงจรปิด และทำลายข้อมูลที่ไม่จำเป็นตามกำหนด

 

3. การจัดการข้อมูลพนักงาน (HR) ที่ไม่รัดกุม

จุดเสี่ยง: ข้อมูลพนักงานเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน ตั้งแต่ประวัติส่วนตัว สุขภาพ ไปจนถึงข้อมูลทางการเงิน หากไม่มีระบบการจัดการที่รัดกุม อาจเกิดการรั่วไหลหรือการนำข้อมูลไปใช้โดยมิชอบ ซึ่งเป็นความเสี่ยงใหญ่หลวงสำหรับองค์กร

วิธีแก้ไข:

  • จัดทำนโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับพนักงาน: แจ้งให้พนักงานทราบถึงประเภทข้อมูลที่เก็บ วัตถุประสงค์ในการเก็บ ระยะเวลาการเก็บรักษา และสิทธิของเจ้าของข้อมูล
  • จำกัดการเข้าถึงข้อมูล: กำหนดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลพนักงานเฉพาะผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องเท่านั้น และจัดเก็บข้อมูลทั้งแบบเอกสารและดิจิทัลในพื้นที่ที่ปลอดภัย
  • จัดอบรมพนักงาน: ให้ความรู้แก่พนักงานทุกคนเกี่ยวกับ PDPA และความสำคัญของการรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคล โดยเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการข้อมูล HR โดยตรง
  • ทำลายข้อมูลอย่างปลอดภัย: ทำลายข้อมูลพนักงานที่ไม่จำเป็นแล้วอย่างปลอดภัยและตรวจสอบได้เมื่อพนักงานสิ้นสุดสภาพการจ้างงานหรือเมื่อพ้นระยะเวลาที่กำหนด

 

 4. ไม่มีการทำ Record of Processing Activities (ROPA) หรือทำไม่ครบถ้วน

จุดเสี่ยง: ROPA คือบันทึกรายละเอียดกิจกรรมการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดขององค์กร หากไม่มีการจัดทำหรือจัดทำไม่ครบถ้วน เมื่อเกิดเหตุการณ์ละเมิดข้อมูลขึ้น องค์กรจะไม่สามารถแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบในการปฏิบัติตาม PDPA ได้อย่างชัดเจน

วิธีแก้ไข:

  • ระบุประเภทข้อมูล: บันทึกประเภทข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม วัตถุประสงค์ในการประมวลผล แหล่งที่มา ผู้รับข้อมูล ระยะเวลาการจัดเก็บ และมาตรการรักษาความปลอดภัย
  • อัปเดตอย่างสม่ำเสมอ: ROPA ไม่ใช่เอกสารที่ทำครั้งเดียวแล้วจบ ควรมีการทบทวนและอัปเดตอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ข้อมูลเป็นปัจจุบัน
  • แต่งตั้งผู้รับผิดชอบ: กำหนดผู้รับผิดชอบในการจัดทำและบำรุงรักษา ROPA เพื่อให้มั่นใจว่ากระบวนการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

  

5. การใช้ระบบ Cloud หรือผู้ให้บริการภายนอกโดยไม่ตรวจสอบมาตรการ PDPA

จุดเสี่ยง: SME และ Startups มักพึ่งพาระบบ Cloud หรือผู้ให้บริการภายนอกจำนวนมาก (เช่น ระบบ CRM, ระบบบัญชีออนไลน์, ผู้ให้บริการเว็บไซต์) เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มความคล่องตัว แต่หากผู้ให้บริการเหล่านั้นไม่มีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้มาตรฐาน ความรับผิดชอบยังคงตกอยู่กับองค์กรของคุณ

วิธีแก้ไข:

  • ตรวจสอบนโยบาย PDPA ของผู้ให้บริการ: ก่อนเลือกใช้บริการ ควรตรวจสอบนโยบายความเป็นส่วนตัวและมาตรการรักษาความปลอดภัยข้อมูลของผู้ให้บริการอย่างละเอียด
  • ทำสัญญาประมวลผลข้อมูล (DPA): ทำสัญญา DPA กับผู้ให้บริการภายนอก เพื่อกำหนดสิทธิหน้าที่และความรับผิดชอบในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลอย่างชัดเจน
  • เลือกผู้ให้บริการที่มีมาตรฐาน: เลือกผู้ให้บริการที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากลด้านความปลอดภัยของข้อมูล (เช่น ISO 27001) หรือมีประสบการณ์และความน่าเชื่อถือในการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล

 

สรุป: การปฏิบัติตาม PDPA อาจดูเป็นเรื่องซับซ้อน แต่การละเลยอาจนำมาซึ่งความเสียหายที่ใหญ่หลวงกว่ามาก การลงทุนในระบบและการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับ PDPA จะช่วยปกป้องธุรกิจของคุณจากความเสี่ยงทางกฎหมาย สร้างความน่าเชื่อถือ และสร้างความไว้วางใจให้กับลูกค้าและพนักงานในระยะยาว

 

แหล่งที่มาของข้อมูล (อ้างอิง ณ วันที่ 14 พฤศจิกายน 2025):

  • สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.): https://www.pdpc.or.th/

  • ตัวบทกฎหมาย: พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ (ฉบับเต็มจากราชกิจจานุเบกษา): https://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2562/A/069/T_0052.PDF

  • แนวทางปฏิบัติสำหรับ SME: คู่มือ PDPA สำหรับผู้ประกอบการ SMEs โดย สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (สพร.): https://www.dga.or.th/document/106106/

  • ความรู้เกี่ยวกับ PDPA (CCTV, HR): PDPA Thailand (ฐานข้อมูลความรู้ด้าน PDPA): https://pdpathailand.com/

 

 

Categories: