ความเป็นมา
Nestle’ เป็นกิจการ MNCs ชั้นนำของโลก สัญชาติสวิสเซอร์แลนด์ ที่จัดตั้งขึ้นตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1886 หรือปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ปัจจุบัน มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมือง Vevey มีผลิตภัณฑ์อาหารที่หลากหลาย เช่น อาหารเด็ก กาแฟ ผลิตภัณฑ์นม ซีเรียลอาหารเช้า น้ำดื่ม ไอศกรีม อาหารเพื่อสุขภาพที่ลดความอ้วน และโปรตีน รวมทั้งอาหารสัตว์ ภายใต้ปรัชญาและสโลแกนของบริษัทที่ว่า Good food, Good life ในปี ค.ศ. 2023 บริษัทมีรายได้จากการประกอบการทั้งสิ้น 113,101.76 พันล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมกับมีการจ้างงานทั้งสิ้น 270,000 คน โดยทั่วโลกได้รู้จักและสัมผัสกับแบรนด์ต่าง ๆ ของ Nestle’ เช่น Nespresso, Nescafe’, Nestea, Kit Kat, Smarties, Nesquik, Stouffer’s, Vittel และ Maggi

การพัฒนายุทธศาสตร์ธุรกิจเพื่อก้าวสู่ยุคสมัยใหม่ของการเปลี่ยนผ่านระหว่างศตวรษที่ 20 ไปสู่ศตวรรษที่ 21 ของ Nestle’ เป็นไปอย่างน่าสนใจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ความรับผิดชอบต่อสังคมและการจัดการความยั่งยืนไปตามยุทธศาสตร์การจัดการธุรกิจใหม่ที่เรียกว่า Creating Shared Value or CSV Theory ที่พัฒนาขึ้นโดย Michael E. Porter & Mark R. Kramer ที่ให้ความสำคัญต่อมิติโภชนาการของผลิตภัณฑ์ การพัฒนาชนบท และการจัดการน้ำ โดยมีแนวทางการดำเนินงานทั้งในระดับการปฏิบัติให้เป็นไปตามมาตรการที่เกี่ยวข้อง (Compliance) ความยั่งยืน (Sustainability) และการสร้างคุณค่าร่วมของธุรกิจคู่สังคม (Creating Shared Value) (Porter & Kramer, 2011; Nesle’, 2011)
การพัฒนาผลิตภาพกาแฟ
การพัฒนาผลิตภาพของกาแฟ (Productivity of Coffee) ของเนสท์เล่ ถือเป็นหนึ่งในโครงการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตในภาคชนบท ซึ่งเป็นพื้นที่อยู่อาศัยและการประกอบการของเกษตรกรชาวสวนกาแฟ ในขณะเดียวกันก็เป็นผู้มีส่วนได้เสียและเป็นห่วงโซ่ธุรกิจที่สำคัญของบริษัทที่ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกรอบทฤษฎีว่าด้วย CSV ทั้งนี้ ก็เพราะว่าในขณะที่โลกมีความต้องการอาหารที่มีคุณภาพสำหรับสุขภาพที่ดีมากขึ้น แต่เกษตรกรกลับพบกับความท้าทายต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้นตามท่ามกลางความยากจน ความสูงวัย การเผชิญกับโรคพืชและแมลง ผู้หญิงที่ไม่มีอำนาจต่อรองทางสังคม และการใช้ชีวิตอยู่ทามกลางโภชนาการที่มีคุณค่าต่ำและชาดแคลนซึ่งสุขภาวะ มีรายได้ที่ต่ำ ฯลฯ ประเด็นเหล่านี้ คือ ความกดดันที่เพิ่มความย่ำแย่ให้กับความสามารถในการจัดการ ไม่ต่างอะไรก็ความผุกร่อนของการใช้ประโยชน์จากที่ดินที่นับวันจะมีคุณภาพที่แย่ลงไป สภาวะเหล่านี้ คือ เงื่อนไขที่ทำให้ความต้องการสืบต่ออาชีพของรุ่นถัดไปได้จางหายตามไปด้วย ในทางตรงกันข้าม ภาคอุตสาหกรรมกลับมีการพัฒนาฝีมือแรงงานที่ดึงดูเยาวชนเข้าสู่อุตสาหกรรมอย่างเป็นระบบและมีจำนวนเยาวชนก้าวเข้าสู่ระบบนี้ ไม่ต่ำกว่า 71 ล้านคน (ตัวเลขปี 2017) ในขณะที่ภาคเกษตร-ชนบทนี้ มีความเกี่ยวข้องกับประเด็นการจัดการความยั่งยืนตามกรอบของ SDGs 2030 ทั้งในการแก้ปัญหาความยากจน ความรับผิดชอบต่อการจัดหาและตรวจสอบย้อนกลับ การสร้างความมั่นคงของแหล่งอาหาร การจัดการสัตว์เลี้ยงที่ไม่มีการทารุณกรรม และการให้ความสำคัญต่อสิทธิมนุษยชน (Nesle’, 2017)
Nestle’ จัดให้มีการพัฒนาการผลิตของเกษตรกรชาวสวนกาแฟตามโปรแกรมของการพัฒนาผลผลิตและผลิตภาพตามแผนงานที่เรียกว่า Nescafe’ Plan and Nespresso AAA Program for Coffee โดยมีรายการกิจกรรมที่ดำเนินงานร่วมกับเกษตรกรโดยตรง ทั้งการจัดการความรู้เรื่องการสร้างแนวปฏิบัติเพื่อปรับปรุงงานเกษตรกรรม และการพัฒนาใหม่ ๆ ที่ต่างไปจากเดิม และเพิ่มการสนับสนุน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตต่อหน่วย ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติที่นำไปสู่การพัฒนาผลิตภาพและสร้างรายได้เพิ่ม รวมทั้งพัฒนาให้เป็นต้นทุนของความสามารถที่จะรับมือต่อสถานการณ์ต่าง ๆ
The Nespresso AAA Sustainable Quality Program เป็นแผนการผลิตกาแฟคุณภาพสูงอย่างยั่งยืนของ Nespresso นี้ มีเป้าหมายที่จะจัดให้มีกาแฟในพื้นที่ทั่วโลก 9 ประเทศ ให้ครบจำนวน 32 ล้านต้น ในปี 2030 พร้อมกับการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาความยั่งยืนของ SDGs ไปพร้อมกัน รวมทั้งการสร้างรายได้ทั้งเศรษฐกิจ การจัดการดิน การจัดการน้ำ และสภาวะภูมิอากาศ ในขณะที่ Nescafe’ Plan เป็นแผนรองรับการจัดหาวัตถุดิบ-กาแฟที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับแหล่งที่มาของการผลิต มีการทำงานร่วมกับ Supplier and farmer ที่มีแนวปฏิบัติอย่างมีระบบ ได้ 100% ของการจัดหากาแฟ การดำเนินงานตามแผนงานและมาตรการข้างต้น ซึ่งมีกิจกรรมอบรมสร้างความรู้ความเข้าใจ สร้างแนวปฏิบัติ และมี KPI สำหรับการกำกับติดตามและตรวจสอบย้อนกลับ ฯลฯ มีการปรับปรุงประสิทธิภาพต่อหน่วยของการผลิตอย่างมีนัยสำคัญด้วยการกระจายต้นกล้ากาแฟคุณภาพสูงไปในพื้นที่ประเทศต่าง ๆ เช่น บราซิล โคลอมเบีย เม็กซิโก ฟิลิปินส์ และเวียดนาม จำนวน 310 ล้านกล้า เพื่อพัฒนาพื้นที่เพาะปลูกมากกว่า 150,000 เฮกตาร์ ให้มีผลิตภาพตามไปด้วย พัฒนาและวิจัยเมล็ดพันธ์และความสามารถต้านทานโรคของกาแฟทั้งอาราบิกาและโรบัสตาจนได้พันธุ์ใหม่อีก 15 พันธุ์ที่เหมาะสมต่อการปลูกในพื้นที่ประเทศเม็กซิโก โคลอมเบีย ฟิลิปปินส์ และไทย โดยผลลัพธ์เฉพาะที่เม็กซิโกพบว่า มีประสิทธิภาพการผลิตต่อหน่วยเพิ่มขึ้นจากเดิม 50% และมีศักยภาพในการลดคาร์บอนฟรุตปรินส์ลงไป 30% (Nestle, 2025)
ผลของการดำเนินงานตามมาตรการว่าด้วย The Nespresso AAA Sustainable Quality Program ข้างต้น นอกจากจะได้รับผลผลิตที่เพิ่มมากขึ้น มีต้นทุนต่อหน่วยที่ลดลง และมีผลต่อการดูแลสิ่งแวดล้อมในการลดการปล่อยมลภาวะไปพร้อมกันด้วยนั้น ในทางปฏิบัติสำหรับการซื้อขาย เกษตรกรผู้ร่วมโครงการยังจะได้รับราคาที่เพิ่มขึ้นอีก 30-40% จากราคามาตรฐานเฉลี่ยของตลาด พร้อมกับส่วนเพิ่มอีก 10-15% จากกาแฟที่มีคุณภาพเหมือนกัน ทั้งนี้ก็เป็นผลมาจากการที่ The Nespresso AAA Sustainable Quality Program เป็นส่วนหนึ่งของสิทธิประโยชน์ตาม Rainforest Alliance ในขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่ง ในด้านธุรกิจของ Nestle’ ก็จะได้รับกาแฟที่มีคุณภาพ และมีความมั่นคงในการจัดหาวัตถุดิบ พร้อม ๆ ไปกับความมั่นคงของธุรกิจควบคู่กันไป
Lesson-learned
การปรับปรุงการผลิตกาแฟของชาวสวนกาแฟในฐานะที่เป็นผู้มีส่วนได้เสีย (Stakeholder) และเป็นผู้ผลิตวัตถุดิบให้เป็นห่วงโซ่เริ่มต้นที่สำคัญของธุรกิจบริษัท ซึ่งโดยพื้นฐานแล้ว กาแฟ/ชาวสวนกาแฟ ยังมีความเกี่ยวข้องกับประเด็นทางสังคมที่ยังรอคอยการจัดการแก้ไข ในขณะที่เขาเป็นสารตั้งต้นของห่วงโซ่อาหารที่รองรับคุณภาพของโภชนาการของโลก แต่พวกเขากลับตกอยู่สภาวะไม่ต่างอะไรกับการขาดสารอาหารและต้องเผชิญต่อความท้าทายและความไม่แน่นอนที่เพิ่มมากขึ้น ดังนั้น การพัฒนาพันธุ์กาแฟที่สามารถต้านทานโรคและเป็นพันธุ์คุณภาพสูงของ Nestle’ จึงส่งผลทั้งการจัดการประสิทธิภาพการผลิตต่อหน่วย และการสร้างช่องทางของรายได้ที่มั่นคง รวมทั้งยังได้รับสิทธิพิเศษของราคาตามมาตรการของ Rainforest Alliance
การสร้างความสามารถทางการผลิตใหม่ให้กับเกษตรกรชาวสวนกาแฟของ Nestle’ จึงไม่เพียงแต่เป็นการสร้างคุณค่าร่วมของประโยชน์ที่เกษตรกรและบริษัทได้รับ อันเป็นผลประโยชน์ตามคุณค่าทางตรง แต่ยังเป็นสร้างความสัมพันธ์ใหม่ระหว่าง Stakeholder กับการประกอบการของบริษัท (การจัดการสมัยใหม่ – อันเป็นการสร้างความสามารถทางการแข่งขันแบบใหม่ของกิจการบริษัท)
อีกประเด็นหนึ่งที่เห็นได้จากกรณีศึกษานี้ คือ Nescafe’ Plan และ The Nespresso AAA Sustainable Quality Program คือ การดำเนินงานเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสร้างผลต่อการเปลี่ยนแปลงที่ล้อไปตามการดำเนินธุรกิจ หากธุรกิจโตก็เท่ากับแสดงความเกี่ยวข้องในการรับผิดชอบต่อสังคมที่มากขึ้นตามไป เป็น Inclusive business growth ไปตามกิจการหรือโครงการที่ปรับปรุง/เปลี่ยนการดำเนินธุรกิจโดยตรง ไม่ใช่กิจกรรม/โครงการที่ไม่มีความเกี่ยวข้องยึดโยงกับธุรกิจ-แล้วพยายามอธิบายหรือแสดงให้เห็นถึงความเสียสละ
เรียบเรียงโดย
ดร.สุนทร คุณชัยมัง
สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนานวัตกรรมสังคม วิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต
พฤษภาคม 2568
Reference
Porter, M. & Kramer, M. (2011). The Big Idea: Creating Shared Value. Harvard Business Review, 89, 2-17.
Nestle (2011). Nestlé Creating Shared Value Report 2011
https://www.nestle.com/sites/default/files/asset-library/documents/library/documents/corporate_social_responsibility/2011-csv-report.pdf
Nestle-Nespresso (2016). The Nespresso AAA Sustainable Quality Program.
https://nestle-nespresso.com/sites/site.prod.nestle-nespresso.com/files/Nespresso%20-%20AAA%20Program%20-%20Protecting%20Future%20Quality%20Coffee%20-%20Factsheet.pdf
Nestle (2017). Nestle’ in society, Creating Shared Value and meeting our commitments 2017. https://www.nestle.com/sites/default/files/asset-library/documents/library/documents/corporate_social_responsibility/nestle-csv-full-report-2017-en.pdf
Nestle’ (2025). Coffee sourcing. https://www.nestle.com/sustainability/sustainable-
sourcing/coffee