นวัตกรรม นวัตกรรมธุรกิจ และการจัดกลุ่มทฤษฎี (ตอนที่ 2 จบ)
การสร้างสรรค์นวัตกรรมธุรกิจในโลกดิจิทัล
Amazon เป็นกิจการใหม่ที่โลกรู้จักกันดีพร้อมๆกับการเริ่มยุคสมัยใหม่ของโลกข้อมูลข่าวสาร เป็นบริษัทที่ Jeff Bezos ซึ่งสำเร็จการศึกษาจาก Princeton University เขาริเริ่มกิจการกับภรรยาในปี ค.ศ. 1983 เพื่อบริการเป็นร้านเช่าหนังสือ บนพื้นฐานที่มาจากอัตราการเติบโตของผู้คนในโลกอินเตอร์เน็ตที่มากถึง 2,300% ดังนั้น ในพื้นที่ใหม่ของการสัญจรและปะทะสังสรรค์ หรือ Transactions ที่เกิดขึ้นนี้ ย่อมจะนำไปสู่โอกาสของธุรกิจใหม่ ๆ ได้ ต่อมาเขาลาออกจากงานประจำแล้วมาให้ความสำคัญกับกิจการของ Amazon ในปี ค.ศ. 1994 ปัจจุบัน ธุรกิจบริการของ Amazon ไม่ใช่เพียงแค่เป็นบริการ E-commerce แต่เป็นบริการเทคโนโลยี รวมถึงการลงทุนในกิจการรถยนต์แบบไร้คนขับ และลงทุนในห้างสรรพสินค้า ปัจจุบัน (ปี ค.ศ. 2023) มีรายได้รวม 575 พันล้านเหรียญสหรัฐ มีการจ้างงาน 1.52 ล้านคน
ทัศนะของ Bezos เขาเห็นว่า วอลล์สตรีท มีแต่บริษัทที่เน้น Short-termism แต่ Amazon จะมุ่งไปสู่การดำเนินงานที่กว้างไกลไปกว่านั้น จะเน้นงาน Long-termism เขาจะให้ความสสำคัญต่อกทารขยายตัวของธุรกิจที่ไปพร้อม ๆ และสร้างการเติบโตให้กับคู่ค้า และการได้รับประโยชน์ของผู้บริโภคไปด้วย การกลับมาซื้อใหม่ ใช้ซ้ำของคู่ค้าและผู้บริโภค เป็นเรื่องที่สำคัญควบคู่ไปกับการสร้าง Brand equity
Facebook เป็นกิจการที่ริเริ่มขึ้นจากกิจกรรมจัดทำ Facebook directories ของกลุ่มนักศึกษาจาก Harvard University นำโดย Mark Zuckerberg, Eduardo Saverin, Andrew McCollum, Dustin Moskovitz, และ Chris Hughes เพื่อเป็นการเชื่อมโยงระหว่างนักศึกษาในมหาวิทยาลัย เรียกตัวเองว่า Facemash ในปี ค.ศ. 2003 ต่อมาจัดตั้งเว็บไซต์ชื่อ thefacebook.com ในปี ค.ศ. 2004 และขยายวงออกไปเป็นมหาวิทยาลัยอื่น คือ Columbia, Stanford, Yale และกลุ่มวีลีก – กลุ่มมหาวิทยาลัยชั้นนำของสหรัฐอเมริกา ต่อมา Zuckerberg และเพื่อน ๆ ได้ย้ายฐานที่มั่นจากย่าน Harvard University ไปปักหลักที่ Polo Alto, California พร้อมกับเร่งระดมทุนและขยายความร่วมมือกับพันธมิตร ไม่ว่าจะเป็น PayPal, Accel Partners, Apple Inc. and Microsoft ในปี ค.ศ. 2006 Facebook ได้ขยายวงให้ประชาชนทั่วไปที่มีอายุมากกว่า 13 ปี เข้าร่วมเป็นสมาชิกในเครือข่ายโดยลงทะเบียนตามข้อมูลด้วย email address
ปี ค.ศ. 2007 Facebook มีพื้นที่ที่เป็นหน้าสำหรับการประชาสัมพันธ์สำหรับบริษัทต่าง ๆ จำนวน 100,000 หน้า และเริ่มเป็นพื้นที่ที่องค์กรต่าง ๆ ให้ความสนใจเพิ่มขึ้นตามลำดับ เป็นผลทำให้ Microsoft ตัดสินใจซื้อพื้นที่ของ Facebook จำนวน 1.6% ในมูลค่า 240 ล้านเหรียญสหรัฐ ในเดือนตุลาคม ปี ค.ศ. 2007 การซื้อดังกล่าวทำให้โลกได้รับรู้ถึงมูลค่าทางเศรษฐกิจโดยรวมของ Facebook = 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ต่อมา Facebook ได้เข้าจดทะเบียนหลักทรัพย์ในตลาดเมื่อ 17 พฤษภาคม 2012 ในมูลค่า IPO 104 พันล้านเหรียญสหรัฐ ปัจจุบัน (31 มีนาคม 2022) Facebook มีผู้ใช้งานแบบ Active ทั้งสิ้น 2.94 ล้านคน (คิดเป็น 36.7% ของประชากรโลก) บริการด้วยภาษาต่าง ๆ 112 ภาษา แต่ก็มีหลายประเทศที่ไม่อนุญาตให้มีบริการ เช่น รัสเซีย อินเดีย จีน มาเลเซีย พม่า อิหร่าน ซีเรีย ตุรกี อียิปต์ ซูดาน อุซเบกิสสถาน ปากีสถาน บังคลาเทศ ลาว กัมพูชา เวียดนาม บรูไน
Facebook เป็นสื่อสังคมออนไลน์ ที่จัดเป็นบริการเครือข่ายสังคม (Social networking services) ที่มีอิทธิพลต่อโลกเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมือง วัฒนธรรม และการสื่อสารในชีวิตประจำวัน
Airbnb เป็นธุรกิจรูปแบบใหม่ที่กำเนิดขึ้นบนพื้นฐานของระบบบริการของ Information Communication Technologies มีการใช้งานกันอย่างกว้างขวาง ทั่วถึง และหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ สื่อสังคมออนไลน์ และการใช้งานผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ ในขณะเดียวกันผู้คนในสังคมในฐานะผู้บริโภคก็สะดวกต่อการเข้าถึงและใช้งานตามความสามารถของเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเคเบิลใยแก้ว Wireless ดาวเทียม หรือ Bandwidth ฯลฯ
Airbnb เป็นธุรกิจที่ให้บริการผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มที่พัฒนาขึ้นโดยการสร้างสรรค์ของ Joe Gebbia, Brian Chesky และ Nathan Blecharczyk นักเขียนโปรแกรมเมอร์จาก Harvard University ในปี ค.ศ. 2008 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปี ค.ศ. 2020 เป็นกิจการที่สร้างรายได้ต่อปีได้ 5.99 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ในปี ค.ศ. 2023) มีการจ้างงานมากกว่า 6 พันคน มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ San Francisco, California สหรัฐอเมริกา
การริเริ่มธุรกิจของ Airbnb เริ่มจาก Gebbia และ Chesky ทดลองใช้เว็บไซต์และพื้นที่ออนไลน์จัดอบรมความรู้ว่าด้วยเรื่องการออกแบบแฟชั่น ซึ่งเป็นงานที่พวกเขามีความรู้ และมีความเชี่ยวชาญ เพราะทั้งสองจบการศึกษามาจาก The Rode Island school of Design (RISD) และพบว่า มีคนลงทะเบียนอบรม 30 และจบการอบรมเพียง 2 คน ซึ่งถือว่า ไม่ประสบความสำเร็จนักในเรื่องของการจัดการอบรม แต่ทั้งสองกลับเห็นถึงความสำคัญของ Transactions ที่สามารถเกิดขึ้นตามวงจรของ ICTs และ “พื้นที่ที่สามารถให้บริการแทนโรงแรม” หรือเรื่องที่โรงแรมให้บริการไม่ได้ หรือยังไม่ดีพอ ไม่ว่าจะเป็นราคาและการตอบสนอง เพราะการจองโรงแรมหนึ่ง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแบบกี่ดาวก็ตาม จะไม่สามารถเลือกชั้น เลือกห้อง เลือกมุม เลือกวิว หรือขอดูรายละเอียดในเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับบริการได้ (จะแทนค่าด้วยมาตรฐาน และดาว หรือ Chain of business) แต่สิ่งเหล่านี้ สามารถดำเนินการได้โดยบริการของ Airbnb
Airbnb ไม่ได้ให้บริการจองโรงแรม (พร้อมตั๋วเครื่องบิน และแผนการเดินทาง) เหมือนกับ Agoda หรือ Traveloka แต่เป็นบริการที่พักที่รวบรวมและสร้างสรรค์มาตรฐานการให้บริการจากห้องแบ่งให้เช่า บ้าน คอนโดในย่านกลางเมืองหรือติดกับสถานีรถไฟฟ้า รถไฟ ท่าเรือ และสนามบิน ฯลฯ แล้วจัดให้เป็นบริการผ่านเว็บไซต์ และสื่อสังคมออนไลน์ทุกชนิด พร้อมทั้งเชื่อมโยงบริการทางการเงินกับธนาคาร และบัตรเครดิตเพื่ออำนวยความสะดวกในการบริการ Airbnb ค้นพบว่า การสื่อสารด้วยภาพของห้องพักและมุมมองต่าง ๆ จากห้องพัก และสิ่งของที่ให้บริการที่ปรากฎในเว็บไซต์ เป็นการสื่อสารที่ทรงพลังและมีผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค เพราะเป็น Human approach ที่มีอิทธิมากกว่ามาตรฐานที่รับรองของโรงแรม
การสร้างสรรค์ธุรกิจของ Airbnb ด้วยการพัฒนาที่อยู่อาศัยประเภทอื่นมารองรับเป็นบริการที่พัก (แทนโรงแรม) เป็นหน้าที่ของ Agent หรือตัวกลางแบบใหม่ที่พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการในระบบเศรษฐกิจขึ้นใหม่นี้ Rachel Botsman เรียกว่า Sharing Economy ตามผลงานหนังสือของเธอที่ชื่อว่า What’s Mine Is Yours: The Rise of Collaborative Consumption
Netflix ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งการพัฒนาธุรกิจใหม่บนพื้นที่ที่ก้าวหน้าของบริการเครือข่ายของ ICTs เช่นเดียวกับ Airbnb โดยความก้าวหน้าของ Netflix เป็นผลโดยตรงจากการขยาย Bandwidth ของเทคโนโลยีการสื่อสารสำหรับการเผยแพร่ภาพยนต์ผ่านบริการ Streamline (แทนบริการผ่านวีดีโอและเครือข่ายร้านเช่าแบบ Blockbuster) ในขณะที่ Airbnb รวบรวมห้องพัก บ้าน และคอนโดมีเนียมมาพัฒนาเป็นที่พักแบบโรงแรม Netflix ก็รวบรวมผลงานภาพยนต์จากการสร้างสรรค์ของผู้ผลิต/ผู้สร้าง นอกจากรวบรวมผลงานที่สร้างสรรค์แล้ว ก็จะจัดให้บริการผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต พร้อมรูปแบบการบริการแบบสมาชิก (Register) พร้อมเชื่อมโยงระบบการชำระเงินผ่านธนาคารและบัตรเครดิต จะมีความแตกต่างกันบ้างที่กรณีของ Airbnb สร้างบริการจากสิ่งที่ไม่ใช่บริการมาก่อน แต่ Netflix มีทั้งผู้ผลิต/ผู้สร้างเดิมและรายใหม่
Reed Hasting จัดตั้งบริษัทเมื่อปี ค.ศ. 2007 แรกเริ่มบริการให้เช่าภาพยนต์โดย DVD by mail ปัจจุบันเป็นบริการ OTT streaming platform, OTT คือ Over-The-Top ซึ่งเป็นการให้บริการเนื้อหาจากสื่อรายการโทรทัศน์ ภาพยนตร์ วีดิโอ ผ่านโครงข่ายอินเทอร์เน็ต เช่น YouTube, Line TV หรือ Netflix iflex Wetv Viu Line TV ด้วยภาษาต่าง ๆ 45 ภาษา โดยบริษัทเป็นทั้งผู้ผลิตและจัดจำหน่ายภาพยนต์ มีรายได้ต่อปี 277.7 ล้านเหรียญสหรัฐ (18 เมษายน 2024)
นอกจากนี้ ที่ Netflix โดยการบริหารของ Hasting ยังพัฒนาแบบแผนของการบริหารจัดการผู้ผลิต/ผู้สร้างที่เป็นนักคิดนักสร้างสรรค์โดยระบบงานแบบใหม่ที่มอบอำนาจให้มีการตัดสินใจและพัฒนางานจากฝ่ายปฏิบัติการ (พื้นที่หน้างาน) มากกว่าที่จะเป็นการตัดสินใจของผู้บริหารระดับสูง (พื้นที่ประชุมบนตึกสูง) ที่มักจะไม่มีความรู้ความเข้าใจต่อสถานการณ์นั้น ๆ อย่างแท้จริง และให้การตัดสินใจนั้นๆของฝ่ายปฏิบัติการเป็นไปตามความรับผิดชอบต่อปัญหาที่ท้าทายหรือผลลัพธ์สุดท้ายด้วยตนเอง การบริหารงานในลักษณะนี้ Reed Hasting และ Erin Mayor เรียกว่า “สิ่งที่เป็นกฎอาจจะเป็นสิ่งจำเป็นที่อื่น แต่ที่ Netflix ไม่ใช่” เจ้าของผลงานหนังสือชื่อ No Rules Rules Netflix and the Culture of Reinvention ที่เผยแพร่ในปี ค.ศ. 2020
ผลการบริหารจัดการนี้ เป็นผลให้ Netflix สามารถขยายผลงานไปยังเรื่องต่าง ๆที่ ฮอลลี่วูด ไม่สามารถทำได้มาก่อน เช่น การผลิตภาพยนต์ที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ แต่เป็นสเปน ฝรั่งเศส นอร์เวย์ ฮินดี้ อาหรับ จีน เป็นเรื่องราวของคนผิวดำ มุสลิม อินเดีย และชาวเอเชีย ที่สร้างความนิยมขึ้นใหม่
จากตัวอย่างข้างต้น ทุกกรณีเป็นตัวอย่างของธุรกิจที่เกิดขึ้นใหม่ตามผลของการเกิดขึ้นของ ICTs ตั้งแต่บริการแบบ E-commerce ของ Amazon การสร้างพื้นที่และเครือข่ายทางสังคมในพื้นที่สื่อสังคมออนไลน์ อันเป็นพื้นที่ของกิจกรรมของการสื่อสารและความสัมพันธ์ทางสังคม จนกลายเป็นพื้นที่มีคุณค่าสำหรับการโฆษณาและการลงทุนในเวลาต่อมาของ Facebook การพัฒนาธุรกิจแบบดิจิทัลแพลตฟอร์ม ที่เป็นการ Plug ผลิตภัณฑ์ และความต้องการของผู้บริโภค พร้อมกับการจัดให้มีบริการสนับสนุน (ทั้งทางการเงิน การสื่อสาร และ Ranking ในความนิยม) ของ Airbnb และ Netflix สิ่งเหล่านี้ กล่าวได้ว่า เป็นสิ่งใหม่ ความใหม่ และการบริหารจัดการแบบใหม่ อันเป็นนวัตกรรมธุรกิจที่เกิดขึ้นในพื้นที่ใหม่ของโลก ICTs อินเตอร์เน็ต และดิจิทัล (ซึ่งเป็น New infrastructure ใหม่ทั้งในระบบเศรษฐกิจและสังคมของโลก)
ตัวอย่างของนวัตกรรมธุรกิจ-การร่วมแก้ปัญหาสังคม
การดำเนินงานที่สร้างสรรค์กระบวนการทำงานใหม่ ๆ และนำไปสู่การจัดการที่สร้างผลสำเร็จต่อการแก้ปัญหาหนึ่ง ๆ ย่อมเป็นตัวอย่างของ “นวัตกรรมการจัดการ” และเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างยิ่งที่ประเด็นปัญหาเหล่านั้นเป็นประเด็นทางสังคมที่รัฐบาลและองค์กรภาคประชาสังคมพยายามจัดการมาก่อนแล้วแต่ยังไม่ประสบผลสำเร็จ กลับเป็นว่าความสำเร็จนั้นเป็นผลงานของภาคธุรกิจ มีกรณีตัวอย่าง 2 กรณี คือ
ประเด็นสำคัญของการดำเนินธุรกิจของ Unilever อินเดีย เป็นเรื่องของการเพิ่มยอดขาย และการผลักดันสินค้าออกจากเมืองไปยังพื้นที่เมืองย่อยและชนบทโดยรอบเมืองใหญ่ ทั้งนี้ก็เพราะประชาชนมากกว่า 80% ของอินเดียอาศัยอยู่ในพื้นที่เมืองย่อยและชนบท การที่ไม่สามารถกระจายสินค้าไปยังพื้นที่รอบนอกทำให้รายได้หรือยอดขายของบริษัทต่อหัวประชากรที่อินเดียเป็นไปในอัตราที่ต่ำ การแก้ปัญหาดังกล่าว Unilever ดำเนินงานโดยให้มีการจัดตั้งคลังสินค้าและจัดระบบขนส่ง ผลปรากฎว่า ยอดขายเพิ่มขึ้นน้อยมาก จึงทำให้บริษัทพยายามที่จะแสวงหาทางออกใหม่ และได้เล็งเห็นความสำเร็จของการจัดตั้งกลุ่มชุมชนขนาดเล็กขนาด 3-5 คนต่อกลุ่มในพื้นที่ชนบทของ Grameen Bank และผลงานของมูฮัมหมัด ยูนุส เพื่อจัดบริการ Microcredit-Microfinance
Unilever จึงได้เริ่มโครงการชุมชนเข้มแข็ง (Shakti project) ในปี ค.ศ. 2001 โดยกระตุ้นให้มีการรวมกลุ่มสตรี 10-15 คนต่อกลุ่มแล้วให้มีการออมทรัพย์ของกลุ่ม แล้วหากกลุ่มสนใจจะประกอบกิจการร้านค้าชุมชน ทางบริษัทจะสมทบเงินให้อีกเท่าตัว และให้เครดิตในการนำเอาสินค้าจากคลังสินค้าในเมืองไปจำหน่ายในพื้นที่ชุมชน-ชนบทที่มีการแบ่งเป็นเขต ๆ ละ 10-20 หมู่บ้านต่อกลุ่มชุมชน/ร้านค้าชุมชน ด้วยผลงานดังกล่าว ได้ทำให้มีการจัดตั้งกลุ่มและมีผู้ที่ประกอบการร้านค้าชุมชนหรือเป็นเจ้าของพื้นที่ขายสินค้าของบริษัทจำนวน 160,000 ราย ครอบคลุมในพื้นที่ 18 มลรัฐของอินเดีย
โครงการดังกล่าว ได้ทำให้ยอดขายของบริษัทเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด และบริษัทมีเป้าหมายที่จะพัฒนาให้มียอดขายจากการตลาดของ Shakti project นี้ให้มีสัดส่วนเป็น 35% ของยอดขายรวม (Porter, Kramer, & Lane, 2015) อันเป็นการเพิ่มช่องทาง/เครื่องมือ/กลยุทธ์การกระจายสินค้าอีกรูปแบบหนึ่ง (ไม่เคยมีมาก่อน) เพื่อแก้ปัญหาขีดจำกัดทางการตลาดที่แต่เดิมทำได้แต่เพียงการขยายคลังสินค้ากับระบบขนส่ง ในขณะเดียวกัน โครงการ Shakti project ยังเป็นโครงการที่มีส่วนต่อการแก้ปัญหาการสร้างรายได้เพิ่มของครัวเรือน การสร้างอาชีพให้กับผู้หญิงในสังคมอินเดีย รวมทั้งการสร้างความมั่นใจในการประกอบอาชีพให้กับผู้หญิงอินเดีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงที่สามีเสียชีวิตหรือหย่าร้าง ซึ่งแต่เดิมไม่เป็นที่ยอมรับทางสังคม และไม่มีทางออก โครงการนี้ได้ทำให้ผู้หญิงที่ร่วมงานเป็นผู้ประกอบรายย่อยมีรายได้ต่อเดือน 10-15 เหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นรายได้ที่เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจากรายได้เดิมที่เป็นรับจ้างทั่วไป นอกจากนี้ ยังเป็นโครงการที่สอดคล้องกับประเด็นของ SDGs และการสร้างงานสร้างเศรษฐกิจที่เหมาะสมในพื้นที่ส่วนล่างของสังคม หรือ Bottom of the pyramid อนึ่งในช่วงสถานการณ์ Covid-19 เครือข่ายของ Shakti project กลายเป็นกลไกสำคัญในการคัดกรอง ช่วยเหลือ และดูแลผู้ป่วย รวมทั้งให้ความร่วมมือกับทางการในการแก้ปัญหา (รวมทั้งริเริ่มที่จะทำหน้าที่เป็นกลไกดูแลสุขภาพชุมชนควบคู่ไปด้วย)
เรื่องราวของ Shakti project เป็นหนึ่งในกรณีศึกษาที่ใช้อ้างอิงเป็นตัวอย่างของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับฐานรากตามผลงานหนังสือของ C.K. Prahalad ที่ชื่อ The Fortune at the Bottom of Pyramid ที่เผยแพร่ครั้งแรก ในปี ค.ศ. 2004
ในช่วงต้นทศวรรษ 2000s โนวาร์ตีส มีเรื่องสำคัญที่จะต้องตัดสินใจเกี่ยวกับการลงทุนในอินเดีย จะสร้างหรือไม่สร้างโรงงานเภสัชกรรมในอินเดีย หากสร้าง ด้านหนึ่ง จะได้ประโยชน์ในเรื่องสิทธิบัตร แต่อีกด้านหนึ่ง ยอดขายในอินเดีย หากเปรียบเทียบต่อประชากรแล้วต่ำมาก จนทำให้ผู้บริหารฝ่ายหนึ่ง เชื่อว่า เป็นเพราะคนอินเดียยากจน ไม่มีกำลังซื้อที่เพียงพอ แต่อีกฝ่ายหนึ่ง เห็นว่า หากคนอินเดียมีเงินซื้อบุหรี่และเหล้าได้ ย่อมจะหาซื้อยาได้ ปัญหาน่าจะมาจากไม่มีการสื่อสารความรู้ความเข้าใจมากกว่า ประกอบกับรับรู้ความสำเร็จของ Unilever ที่นำเอา Lesson-learned มาจากความสำเร็จจากการรวมกลุ่มชุมชนเป็นกลุ่มขนาดเล็กเพื่อสร้าง Microcredit และ Microfinance ของ Grameen Bank ตามผลงานของมูฮัมหมัด ยูนุส จากบังคลาเทศ แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะนำมาปรับใช้สำหรับธุรกิจยาได้หรือไม่?
ด้วยความเชื่อของผู้บริหารในฝ่ายหลัง จึงนำไปสู่โครงการทดลองสื่อสารความรู้ความเข้าใจเรื่องโรคและยา ที่หมู่บ้าน Parivar โดยยาที่สื่อสารเป็นข้อมูลยาแผนปัจจุบัน ยาแผนอินเดีย สมุนไพร และการออกกำลังกาย รักษาสุขภาพ ไม่ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ และการสื่อสารเกี่ยวกับโรค ก็เป็นเรื่องของการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาส โรคและการเจ็บป่วยของเด็ก ผู้ใหญ่ และคนชรา รวมทั้งโรคเกี่ยวผู้หญิง
การให้ข้อมูลความรู้นี้ จัดเป็นโครงการในลักษณะเดียวกับแพทย์เคลื่อนที่ภายใต้การดำเนินงานของฝ่ายชุมชนสัมพันธ์ ที่มีการให้บริการทางการแพทย์ควบคู่กันไปกับการจัดประชุมชาวบ้านในพื้นที่สาธารณะ เป็นโครงการที่ดำเนินไปตามความร่วมมือกับโรงเรียน โรงพยาบาล และเทศบาล พร้อมกันนั้น ก็จะประสานงานกับร้านค้าในเครือข่ายที่ขึ้นทะเบียนกับบริษัทที่อยู่บริเวณใกล้เคียง (รวมทั้งจัดชัดชวนร้านยาที่ยังไม่เป็นเครือข่ายให้สมัครเป็นเครือข่ายร้านขายยาของบริษัท) ให้สังเกตและจัดทำบันทึกเปรียบยอดขายยาที่สัมพันธ์กับข้อมูลที่ให้คำแนะนำไป มีการเปลี่ยนแปลงไปตามนัยสำคัญของการให้ข้อมูลหรือไม่? ผลปรากฎว่า มีความเกี่ยวข้องกันอย่างมีนัยสำคัญ ทุกครั้งที่มีการให้ข้อมูลของกิจกรรมโครงการ ปรากฎว่ายอดขายยาของร้าน เพิ่มขึ้น
บริษัท จึงพัฒนางานในโครงการนี้อย่างจริงจัง เพื่อนำเอาข้อมูลความรู้เรื่องโรค การเจ็บป่วย การดูแลสุขภาพ สมุนไพร ยาและแพทย์แผนอินเดีย และยาและแพทย์แผนปัจจุบัน เรียกว่า Arogya Parivar มีการจัดตั้งฝ่ายกิจกรรมขึ้น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายชุมชนสัมพันธ์ และฝ่ายส่งเสริมการขาย แล้วต่อมาได้ปรับปรุงให้มีความเหมาะสมต่อผลงานทั้งด้านการเผยแพร่ความรู้และการจัดการเครือข่ายร้านขายยารวมทั้งยอดขาย มีการจัดงานเป็นพื้นที่ เป็นเขตบริการ และมียอดขายเข้ามาเกี่ยวข้องเป็น KPI บริษัทดำเนินงานตามโครงการนี้ เริ่มงานแบบ Pilot project ในปี ค.ศ. 2006 จนมีการจัดทำเป็นแผนงานระดับยุทธศาสตร์ธุรกิจขององค์กร และนำไปสู่การตัดสินใจลงทุนสร้างโรงงานเภสัชกรรมในอินเดียในที่สุด ในปี ค.ศ. 2013 และใช้เป็น Business model ไปปรับใช้ในเคนยา เวียดนาม และอินโดนีเซีย (Porter, Kramer, & Lane, 2015)
กรณีของ Shakti project และ Arogya Parivar ข้างต้น ถือได้ว่า เป็นงานระดับโครงการของบริษัทเอกชนสามารถสร้างผลการเปลี่ยนแปลงทางสังคม จนกลายเป็นกลไก/เครื่องมือที่ช่วยแก้ปัญหาทางสังคมที่ภาครัฐและ NPOs เคยใช้ความพยายามมาก่อนอย่างต่อเนื่องแต่ไม่สามารถจะแก้ไขหรือผ่อนคลายลงไปได้ แต่ Shakti project เป็นกลไกที่สามารรถรองรับต่อการพัฒนาความสามารถของผู้หญิงในสังคมอินเดีย โดยเฉพาะผู้หญิงที่ไม่มีสามีดูแล ในขณะเดียวกัน Arogya Parivar ก็แสดงถึงการสร้างการเข้าถึงซึ่งข้อมูลความรู้เกี่ยวกับโรค ยา และสุขภาพที่เหมาะสมย่อมจะนำไปสู่สุขภาพและระบบสาธารณสุขที่ดีได้
ทั้ง 2 กรณี เป็นงานที่ดำเนินงานโดยบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ที่สร้างงานงานจากการทำงานร่วมกับองค์กรภายนอกในพื้นที่ชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มองค์กรชุมชน (Community-Based Organizations: CBOs) ให้มาร่วมเป็นกลไกสำคัญอย่างใดอย่างหนึ่งกับการทำงานของบริษัท ในกรณีของ Arogya Parivar นั้น เป็นการพัฒนางานจากเนื้อหาและผลลัพธ์ของการดำเนินงานชุมชนสัมพันธ์ให้ไปสนองตอบต่อการสนับสนุนการดำเนินงานด้านการขายและการตลาดของบริษัท โดยจัดเป็นกิจกรรมแบบประชุมสาธารณะ (Public meeting) และจัดทำเป็นงานความร่วมมือกับเทศบาล หน่วยงานด้านสาธารณสุข โรงพยาบาล และโรงเรียน ฯลฯ การดำเนินงานเหล่านี้ล้วนแต่เป็น Process ที่ปรับใช้เพื่อสนองต่อวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่มีความชัดเจน-เพื่อสนับสนุนต่อการขายและการตลาด ผลของความสำเร็จของกระบวนการทำงานที่พัฒนาขึ้นของทั้ง 2 กรณีนี้ เป็นตัวอย่างของนวัตกรรมธุรกิจที่มีส่วนต่อการแก้ปัญหาสังคม หรือเป็นนวัตกรรมสังคม (Social innovation) ที่ขับเคลื่อน/ดำเนินการโดยบริษัทเอกชน
___________________________________________________________
อ้างอิง
สุนทร คุณชัยมัง.
ตัวแบบนวัตกรรมธุรกิจ = Innovative business model. — ปทุมธานี : สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยรังสิต, 2567. 165 หน้า.
…………….……
เรียบเรียงโดย
ดร.สุนทร คุณชัยมัง
ผู้อำนวยการสถาบันนวัตกรรมและสร้างสรรค์ความรู้
(Innovation and Creativity in Knowledge Academy : ICIK)
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์