บทความนี้มีความประสงค์ที่จะอธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่าง นวัตกรรมที่สร้างความใหม่ใน “ตัวแบบของธุรกิจ”(Business model) ที่มีความเกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคมควบคู่ไปกับการสร้างความสามารถทางการแข่งขัน หรือสร้างรายได้เพิ่มให้กับการดำเนินธุรกิจนั้น ๆ ไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งเป็นความหมายที่อธิบายได้ทั้ง นวัตกรรมธุรกิจที่สร้างคุณค่าต่อการเปลี่ยนแปลงสังคม อันเป็นเรื่องที่มีความสอดคล้องกับทฤษฎีว่าด้วย “การสร้างสรรค์คุณค่าธุรกิจคู่สังคม” (Creating Shared Value: CSV)
ทฤษฎีว่าด้วย “การสร้างสรรค์คุณค่าธุรกิจคู่สังคม” (Creating Shared Value: CSV)
ก่อนที่จะมีการเผยแพร่ทฤษฎีว่าด้วย Creating Shared Value: CSV ทั้ง Michael E. Porter และ Mark R. Kramer ได้ศึกษาบทบาทของธุรกิจกับสังคมมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2002 โดยมีผลงานเรื่อง The Competitive Advantage of Corporate Philanthropy โดยแนะนำให้บริษัท ยอมรับในผลประโยชน์ทางภาพลักษณ์และความเชื่อถือจากสังคม ที่เกิดจากการบริจาคและการช่วยเหลือทางสังคม (Philanthropy) เป็นผลประโยชน์ทางอ้อมที่จะนำไปสู่ความภักดีขององค์กรและตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ บริการ รวมทั้งความร่วมมืออื่น ๆ มิใช่การให้เปล่าแบบไม่หวังผลประโยชน์ตอบแทนตามที่มักจะกล่าวอ้างและประชาสัมพันธ์ ดังนั้น แทนที่บริษัท จะปล่อยให้เรื่องนี้ เป็นไปอย่างสะเปะสะปะ ก็ควรที่จะได้มีกลยุทธ์ว่าด้วยการสนับสนุนช่วยเหลือ (Strategic philanthropy) เพื่อให้การดำเนินงานดังกล่าวบรรลุจุดมุ่งหมาย และใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ (Porter & Kramer, 2002)
ต่อมา Porter & Kramer ก็มีข้อเสนอเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่งในบทความเรื่อง Strategy and Society: The Link Between Competitive Advantage and Corporate Social Responsibility โดยแนะนำให้บริษัทพัฒนางานตามความรับผิดชอบต่อสังคม (Corporate Social Responsibility: CSR) ไปเชื่อมโยงเข้ากับความต้องการของสังคมทั้งในระดับชุมชนหรือสังคมทั่วไป เป็นการพัฒนาการจัดการงานความรับผิดชอบต่อสังคมแบบเชิงรับ (Responsive CSR) ไปสู่การจัดการเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic CSR) ด้วยการยึดโยงกับ “ผลการเปลี่ยนแปลงต่อสังคมของห่วงโซ่คุณค่า” (Value Chain Social Impacts) ยกตัวอย่าง จากการช่วยเหลือสนับสนุนอุปกรณ์การเรียนสอน และดำเนินงานกิจกรรม CSR ร่วมกับโรงเรียนในระดับมัธยมศึกษาในสหรัฐอเมริกา 5 โรง ของ GE ด้วยงบประมาณแบบ in-kind ในวงเงิน 250,000-1,000,000 เหรียญสหรัฐต่อปี ผลการดำเนินงานโครงการ ได้ทำให้คุณภาพของการจัดการศึกษาระหว่างปี ค.ศ. 1989-1999 เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ในขณะที่คุณภาพการศึกษาในระดับมัธยมปลายของสหรัฐอเมริกาโดยภาพรวม 80 % แย่ลง GE ได้วิเคราะห์ผลผลิตและผลลัพธ์ของโครงการแล้วไปอ้างอิงเป็นสาระสำคัญของการจัดทำ Global Reporting Initiative: GRI โดยชี้ให้เห็นถึงคุณค่าของงาน CSR กับการแก้ปัญหาของสังคมโดยรวม ตามภาพที่ 1 (Porter & Kramer, 2006)
ภาพที่ 1 การปรับปรุงงาน CSR เชิงรับไปสู่การจัดการเชิงยุทธศาสตร์
Porter & Kramer ได้พัฒนาทฤษฎี Creating Shared Value ด้วยการนำเสนอให้สร้างสรรค์คุณค่าใหม่ๆ ขึ้นในการดำเนินธุรกิจ ด้วยการพิจารณาองค์ประกอบของความเป็นไปได้ของการสร้างสรรค์ใน 3 เรื่องด้วยกัน คือ หนึ่ง ประเด็นทางสังคม (Social needs) ที่ยังไม่มีการแก้ไข เพื่อนำไปสู่การสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน (2) ทักษะ ประสบการณ์ และสินทรัพย์ของบริษัท (Corporate assets and expertise) อันเป็นส่วนประกอบของทุนในเบื้องต้นที่สำคัญต่อการแสดงความสามารถและความพร้อมของบริษัทที่จะทำให้เกิดเป็นผลสำเร็จ และ (3) การท้าทายและโอกาสของธุรกิจ (Business opportunity & challenge) ที่จะทำให้การแก้ปัญหาสังคมนั้น สร้างคุณค่าตามนัยยะของการคลี่คลายปัญหา และสร้างความสามารถทางการแข่งขันของธุรกิจไปพร้อมกันอีกด้านหนึ่ง (Porter & Kramer, 2011)
Porter & Kramer (2011) ระบุว่า Shared Value เป็นนโยบายและการปฏิบัติการจริงที่ยกระดับความสามารถการแข่งขันของบริษัท พร้อมกับกระตุ้นให้เกิดความก้าวหน้าของเศรษฐกิจและความเกี่ยวข้องกับสังคมในระดับชุมชน ไม่ใช่การแบ่งปันคุณค่าตามรูปแบบของการช่วยเหลือการกุศล (Philanthropy) ช่วยเหลือเป็นการส่วนตัว (Personal values) การไกล่เกลี่ยผลประโยชน์กับผู้มีส่วนได้เสีย (Balancing stakeholder interests) และการปฏิบัติตามเงื่อนไขกำหนดของท้องถิ่น (Compliance with local regulations)
ภาพที่ 2 องค์ประกอบและคุณลักษณะของ CSV
Porter & Kramer (2011) ชี้ว่า พื้นที่ที่เปิดโอกาสของการสร้างสรรค์คุณค่าของธุรกิจคู่สังคมประกอบด้วย 3 พื้นที่ด้วยกัน คือ (1) การทบทวนประโยชน์และความทั่วถึงที่ผู้บริโภคได้รับจากผลิตภัณฑ์และการตลาด (Reconceiving products and markets) (2) การปรับนิยามผลิตภาพในห่วงโซ่คุณค่า (Redefining productivity in the value chains) และ (3) การผนึกแน่นของกิจการธุรกิจกับพัฒนาเชิงคลัสเตอร์ท้องถิ่น (Enabling local cluster development) ตามภาพที่ 3
เพื่อเป็นการทำความเข้าใจต่อการสร้างสรรค์คุณค่าธุรกิจคู่สังคมของทั้ง 3 ตามข้อเสนอของ Porter & Kramer ข้างต้นให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ในที่นี้ขออธิบายพร้อมยกตัวอย่างประกอบ เป็นการเพิ่มเติม ดังนี้
หนึ่ง การทบทวนประโยชน์และความทั่วถึงที่ผู้บริโภคได้รับจากผลิตภัณฑ์และการตลาด
การสร้างสรรค์คุณค่าธุรกิจคู่สังคมในพื้นที่นี้ เป็นเรื่องการกระจายผลิตภัณฑ์และบริการไปยังผู้บริโภคในระบบเศรษฐกิจการตลาด หรือการมีโอกาสเข้าถึงซึ่งอรรถประโยชน์ของผลิตภัณฑ์และสินค้า เพราะว่า แต่ละผลิตภัณฑ์และบริการ ล้วนแต่เกิดขึ้นจากการออกแบบเพื่อสนองตอบต่อความต้องการของผู้บริโภคเป็นลำดับเบื้องต้น ดังนั้น ความทั่วถึงและการเข้าถึงซึ่งผลิตภัณฑ์และบริการ ย่อมจะหมายความถึง การนำพาซึ่งการตอบสนองต่อการแก้ปัญหาสังคมตามไปด้วยเป็นเบื้องต้น ดังนั้น หากมีการดำเนินงานให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์จากผลิตภัณฑ์และบริการมากเท่าใด ย่อมจะเกิดคุณค่าต่อการตอบสนองต่อการแก้ปัญหาของสังคมมากขึ้นเท่านั้น ในขณะเดียวกัน ก็สร้างรายได้ให้กับธุรกิจนั้นไปด้วยเช่นกัน เช่น การรณรงค์การใช้งานสบู่ Lifebuoy ของ Unilever ในอินเดีย สบู่ได้มีส่วนทำให้อัตราการเจ็บป่วยจากโรคท้องร่วงและปอดบวมในอินเดียลดลง หรือการรณรงค์ให้คนจนจัดตั้งเพื่อการพึ่งตนเอง (Self-Help Group: SHG) แล้วระดมเงินออมให้มีความต่อเนื่องเพื่อใช้เป็นเครดิตในการกู้ยืมและเบิกวัสดุสำหรับการสร้างบ้านอยู่อาศัยของ Cemex ที่รู้จักกันดีในชื่อ Patrimonio Hoy (Prahalad, 2005) จะเห็นได้ว่า โรคท้องร่วงและปอดบวมของคนอินเดีย และปัญหาที่อยู่อาศัยชาวเม็กซิโกที่มีโอกาผ่อนคลายลง มีความเกี่ยวข้องกับผลการทำงานของผลิตภัณฑ์และบริการ อันเป็นบทบาทธุรกิจเอกชนที่สร้างสรรค์ประโยชน์ให้ทั่วถึง ทั้งเรื่องของสบู่-สุขภาวะของผู้บริโภค และการสร้างบ้านจากวัสดุก่อสร้างที่บวกรวมด้วยการรวมกลุ่ม และการออม (อันเป็นการสร้างหลักประกันสำหรับการผ่อนชำระการซื้อขายวัสดุก่อสร้าง) ที่สร้างสรรค์เป็นกระบวนการสนับสนุนให้มีการเข้าถึงซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านั้น
การสร้างสรรค์ธุรกิจของเอกชนที่มีส่วนร่วมต่อการแก้ปัญหาสังคมไปกับการเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการข้างต้น ยังจะเห็นได้จากการบริการคนจนที่มีโรคเกี่ยวกับตาและการมองเห็นของโรงพยาบาล The Aravind Eye (Prahalad, 2005) M-PESA ของ Vodafone ซึ่งเป็นการใช้งานเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่บวกรวมบริการ Mobile-banking และร้านค้าในชุมชนให้เป็นที่เบิก ถอน เงินสดแทนสาขาธนาคาร (และตู้เอทีเอ็ม) เพื่อสร้างการไหลเวียนทางการเงินและเศรษฐกิจ และก้าวข้ามอุปสรรคจากการเดินทางเพื่อทำธุรกรรมทางการเงินของประชาชนในพื้นที่ชนบทในเคนยา บริการดังกล่าวทำให้ Vodafone มีลูกค้าใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมากถึง 10 ล้านคน ในเวลาเพียง 3 ปี หรือการที่ Intel และ IBM ได้นำเอาเทคโนโลยีข้อมูลข่าวสารไปพัฒนาบริการให้มีการใช้งานที่เป็นประโยชน์สำหรับการทำงาน (และขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจและสังคม) มากกว่าการใช้ประโยชน์เพียงความสะดวกสบาย การแสดงฐานะทางสังคม และแฟชั่นนิยม (Porter & Kramer, 2011)
สอง การจัดการผลิตภาพของห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจตามนิยามใหม่
การจัดการผลิตภาพของห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจ เป็นการจัดการเชิงระบบ ประสิทธิภาพ และประสิทธิผลที่เกิดขึ้นจากการปรับปรุงระบบการผลิต และระบบการบริหารจัดการที่นำไปสู่การสร้างผลความสำเร็จใหม่ที่ดีกว่าเดิม เข่น ผลงานของ Walmart เมื่อปี ค.ศ. 2009 ที่เกิดขึ้นจากการทบทวนเส้นทาง ชนิดสินค้า และตำแหน่งคลังสินค้า เพื่อจัดเป็นระบบการบริหารงานที่สร้างประโยชน์ให้กับบริษัทมากที่สุด ต้นทุนต่ำที่สุด และสามารถกำกับงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การทบทวนงานในครั้งนั้น Walmart ได้ลดต้นทุนการขนส่งโดยรถบรรทุกลงไปถึง 100 ล้านไมล์ และปรับเพิ่มการขนส่งทางเรือโดยที่ค่าใช้จ่ายยังคงเท่าเดิม (อันทำให้บริษัทได้รับประโยชน์จากการต้นทุนค่าขนส่งในรายการนี้ 200 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา พร้อมกันนั้น ยังลดการใช้พลาสติกบรรจุหีบห่อ และนำไปสู่การลดต้นทุนการจัดการขยะตามไปด้วย การดำเนินงานตามโครงการนี้ นอกจากบริษัทจะลดต้นทุนแล้ว ยังได้รับผลลัพธ์และคุณค่าที่มีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมโดยภาพรวมไปพร้อมกันอีกด้วย
การจัดการผลิตภาพของห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจในทำนองเดียวกับ Walmart ยังจะเห็นตัวอย่างได้จากกรณีของ Mark & Spencer ที่ยกเลิกการสั่งซื้อสินค้ามาจากพื้นที่ห่างไกลอีกซีกโลกหนึ่งไปจำหน่ายอีกซีกหนึ่ง แล้วหันมาส่งเสริมการจัดหาสินค้าในพื้นที่ใกล้เคียง แม้ว่าแหล่งเดิมจะอาศัยการขนส่งทางเรือที่มีต้นทุนต่ำ ก็ตาม แต่การขนส่งดังกล่าวเป็นสาเหตุของปล่อยคาร์บอนอันเป็นสาเหตุของการเกิดสภาวะเรือนกระจก หรือการลดการใช้น้ำดิบในระบบการผลิตของ Coca-Cola (ที่มีเป้าหมายลดการใช้น้ำลงไปได้ถึง 20% ในปี ค.ศ. 2012 เทียบกับปี ค.ศ. 2004) และ Dow Chemical (ที่ลดการใช้น้ำดิบลงไปถึง 1 ล้านแกลลอน ซึ่งน้ำจำนวนนี้สามารถนำไปใช้ผลิตประปารองรับการบริโภคได้ถึง 40,000 คนต่อปี) รวมทั้งการสร้างสรรค์เทคโนโลยีการชลประทานระบบน้ำหยดของ Jain Irrigation
การผลิตกาแฟคุณภาพสูง จนนำไปสู่การสร้างรายได้ที่ดีขึ้นของเกษตรกรและเศรษฐกิจชนบทของอาฟริกาและลาตินอเมริกา พร้อมกับสร้างผลิตภัณฑ์ Nespresso ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์และธุรกิจใหม่ของ Nestle’ และสร้างยอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่องกันไม่ต่ำกว่า 30% ต่อปี นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 จนถึงปี ค.ศ. 2011 หรือการกระจายสินค้าไปยังชุมชนระดับหมู่บ้านโดยการสร้างกลไกการตลาดขึ้นใหม่ที่ผสมกันระหว่างร้านค้าชุมชน การรวมกลุ่มแบบ SHP และการขายตรง (Direct sale) ที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า Project Shakti ของ Hindustan Unilever การปรับปรุงและปรับเปลี่ยนระบบงานของ Johnson & Johnson ที่นำเอาเรื่องของการเพิ่มรายได้มาสร้างเป็นแรงจูงใจในการเลิกสูบบุหรี่ การสร้างคุณค่าให้กับธุรกิจและสังคมจากการจัดการในรัศมีการทำงานของศูนย์กระจายสินค้าที่สามารถกำกับราคาสินค้าไม่ให้แพงของ Walmart การจัดตั้งโรงงานขนาดเล็กเพื่อรองรับความต้องการทางการตลาดของ Nestle’ การย้ายฐานการผลิตโรงงานเม็ดมะม่วงหิมพานต์จากเอเชียไปยังอาฟริกาของ Olam International ที่ทำให้เกิดการจ้างงานขึ้นใหม่ทั้งในแทนซาเนีย โมซัมบิก ไนจีเรีย และไอเวอรีโคสต์ ในขณะเดียวกัน บริษัทก็สร้างประโยชน์ใหม่จากการขนส่งทางเรือที่เปลี่ยนจากขนส่งวัตถุดิบมาเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปแล้วซึ่งมีมูลค่าทางเศรษฐกิจมากกว่าเดิม (Porter & Kramer, 2011)
สาม การผนึกแน่นของกิจการธุรกิจกับพัฒนาเชิงคลัสเตอร์ท้องถิ่น
การจัดการความสัมพันธ์ของธุรกิจกับพัฒนาเชิงคลัสเตอร์ท้องถิ่น เป็นเรื่องของการนำเอาทรัพยากร ความรู้ ทักษะ และความเชี่ยวชาญของบริษัท ไปร่วมพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในท้องถิ่น เช่น Nestle’ ที่ปรับเปลี่ยนการผลิตกาแฟคุณภาพสูงของชาวไร่กาแฟ ในทางปฏิบัติ บริษัท ได้พัฒนาร่วมกับหลายฝ่าย และใช้เวลาในการพัฒนาทั้งกลุ่มที่ปรึกษา กลุ่มเกษตรกร รัฐบาลท้องถิ่น มหาวิทยาลัย และผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิชาชีพต่างๆ ทั้งด้านเกษตรกรรม การเงิน (การจัดรายได้และรายจ่ายครัวเรือน) เทคโนโลยี การขนส่ง และการพัฒนาทักษะและความสามารถ เป็นโครงการที่มีการสร้างความรู้ความเข้าใจ การพัฒนาทักษะ ความสามารถ ทั้งเรื่องการเกษตรตั้งแต่การคัดเลือกเมล็ดพันธ์ ดิน ปุ๋ย และอุปกรณ์การชลประทานสำหรับการปลูกกาแฟ การนำเอาความรู้จากเรื่องของกาแฟ และการชลประทานไปใช้จัดการต่อพืชคุณภาพสูงชนิดอื่น เช่น พืชตระกูลถั่ว อันเป็นกระบวนการความสัมพันธ์ทางสังคมในระดับชุมชน ที่มีการแบ่งปันประสบการณ์และความรู้ ในลักษณะเดียวกับชุมชน ICTs ที่ซิลิคอนวัลเลย์ในสหรัฐอเมริกา หรือชุมชนทางกายภาพของเมืองสุรัตในอินเดียที่ประกอบธุรกิจเจียระไนเพ็ชร และชุมชนผู้ผลิตและเก็บเกี่ยวดอกไม้ในเคนยา (Porter & Kramer, 2011)
การสนับสนุนและสร้างคลัสเตอร์ธุรกิจอีกตัวอย่างหนึ่ง คือ การร่วมลงทุนของ Yara International กับรัฐบาลแทนซาเนีย จำนวน 60 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา ในการสร้างถนนและท่าเรือในโครงการ Southern Agricultural Growth Corridor of Tanzania การร่วมพัฒนาโครงการท่าเรือและคลังสินค้าที่ Mozambique ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลทั้งรัฐบาลนอร์เวย์ กับรัฐบาลประเทศท้องถิ่น Yara ได้ร่วมสนับสนุนโครงการเหล่านี้ด้วยเพราะจะเกิดประโยชน์สำหรับเกษตรกรรายย่อยที่เป็นลูกค้าของบริษัท มากกว่า 200,000 ราย และสร้างงานขึ้นใหม่ในท้องถิ่นได้มากกว่า 350,000 ราย การร่วมพัฒนาเศรษฐกิจเชิงคลัสเตอร์ธุรกิจของการเกษตรข้างต้น เป็นการสร้างสรรค์โครงสร้างใหม่และโอกาสของระบบเศรษฐกิจเกษตร ชนบท เศรษฐกิจท้องถิ่น เศรษฐกิจในประเทศ และระหว่างประเทศให้เกิดขึ้นอย่างมหาศาล นอกจากนั้นยังสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน ที่จะนำไปสู่ผลการเปลี่ยนแปลงร่วมกัน รวมทั้งจะนำไปสู่การพัฒนาร่วมกันในมิติการจัดการข้อมูลและความรู้ทั้งเรื่องของวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีข้อมูลข่าวสารอีกลำดับหนึ่งด้วย (Porter & Kramer, 2011)
การสร้างสรรค์คุณค่าธุรกิจคู่สังคม หรือ CSV นี้ ได้มีการศึกษาของ Shared Value Initiative แล้วรวบรวมแนวทางที่จะนำไปสู่การนำไปทดลองปฏิบัติงานเพื่อสร้างสรรค์คุณค่าของธุรกิจตามแนวทางของ Shared Value ทั้ง 3 พื้นที่ของแต่ละอุตสาหกรรม ตามบุคลิกที่แตกต่างกันของผู้มีส่วนได้เสีย ความเชี่ยวชาญ ทักษะประสบการณ์ของผู้ประกอบการ และโอกาส ตามภาพที่ 3
ภาพที่ 3 พื้นที่ของการสร้างสรรค์คุณค่าธุรกิจคู่สังคมของแต่ละอุตสาหกรรม
CSV, Innovation and Social Innovation
จากกรอบแนวคิด คำ และนิยาม พร้อมกับกรณีศึกษาที่กล่าวถึงตามลำดับข้างต้น ทั้งเรื่องของผลิตภัณฑ์/บริการ ผลิตภาพ และคลัสเตอร์ธุรกิจกับความเกี่ยวข้องกับชุมชน-ท้องถิ่น เป็นเรื่องของ “การสร้างสรรค์สิ่งใหม่และความใหม่” ทั้งมิติของรูปร่างแบบสิ่งของ-ผลิตภัณฑ์ การบริการ และกระบวนการทำงาน ปรับปรุง/ปรับเปลี่ยน สิ่งเหล่านี้ คือ เรื่องเดียวกันกับสิ่งใหม่และความใหม่ที่อธิบายตามแนวคิด คำ และนิยามของนวัตกรรม และเป็นนวัตกรรมในพื้นที่ธุรกิจ (และธุรกิจที่มีความเชื่อมโยงกับการทำหน้าที่เป็นกลไกในการแก้ปัญหาสังคม) หรือกล่าวได้อีกว่า Creating Shared Value as a same conceptual of means and ends focusing on Social Innovation Theory
การสร้างสรรค์คุณค่าร่วมข้างต้น ล้วนแต่เป็นปฏิบัติการจริงที่แล้วเสร็จและสร้างความสำเร็จขึ้นแล้วทั้งมิติทางเศรษฐกิจและการมีส่วนร่วมคลี่คลายแก้ไขประเด็นทางสังคม (ตามบทบาทของธุรกิจเอกชน – ที่มีการดำเนินงานตามคุณลักษณะของ Strategic CSR ที่ขยายบทบาทออกไปจาก Philanthropist หรือ Responsive CSR) ไม่ว่าจะเป็น GE กับงานส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาของโรงเรียนมัธยม Unilever กับการขายสบู่ Lifebuoy ที่ส่งผลต่อเนื่องไปยังเรื่องของสุขภาวะ หรือการสร้างอาชีพชุมชนจากการสร้างงานตามโครงการ Shakti Project, Cemex กับการรวมกลุ่มชุมชนผู้ต้องการที่อยู่อาศัย M-Pesa กับเรื่องของการเข้าถึงบริการทางการเงิน Walmart กับการจัดการประสิทธิภาพการขนส่งโลจิสติกส์กับความเขื่อมโยงกับสิ่งแวดล้อม เช่นเดียวกันกับ Mark & Spencer, Coca-Cola, Dow Chemical การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Jain Irrigation การพัฒนาธุรกิจต่อเนื่องจากผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงของ Nestle’ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของพนักงานในองค์กรของ Johnson & Johnson การปรับย้ายฐานการผลิตของ Olam และการร่วมพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานของ Yara โดยที่เกือบทั้งหมดของตัวอย่างข้างต้น เป็นเรื่องที่สามารถวิเคราะห์ผลผลิต ผลลัพธ์ และผลการเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน จะมีเพียงบางโครงการ เช่น คลัสเตอร์ของ Yara ซึ่งต้อมีการศึกษาให้มีความต่อเนื่องออกไป ทั้งนี้ก็เพราะเป็นโครงการระดับภูมิภาคทวีป แต่โดยหลักการของโครงการและเพียงแค่เริ่มดำเนินงานย่อมนำไปสู่การขับเคลื่อนไปตามห่วงโซ่เศรษฐกิจแล้ว เพราะเป็น Economy infrastructure
การให้ความสนใจต่อความสอดคล้องกันระหว่าง CSV, Innovation and Social Innovation นี้ ในเบื้องต้น สามารถค้นคว้าเพิ่มเติมได้จากบทความ และหนังสือที่ขอแนะนำในที่นี้ 2 เรื่อง คือ (1) Innovating for Shared Value โดย Marc Pfitzer, Valerie Bockstette, and Mike Stamp และ (2) หนังสือเรื่อง Social Innovation and New Business Models: Creating Shared Value in Low-Income Markets ของ Laura Michelini รวมทั้งหนังสือเรื่อง The Fortune at the Bottom of the Pyramid ของ C.K. Prahalad ที่ได้ยกตัวอย่างบางรายการประกอบไว้ข้างต้นแล้ว เพียงแต่ Prahalad ไม่ได้ใช้คำว่า CSV
อ้างอิง
สุนทร คุณชัยมัง. ตัวแบบนวัตกรรมธุรกิจ = Innovative business model. — ปทุมธานี : สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยรังสิต, 2567. 165 หน้า.
…………….……
เรียบเรียงโดย ดร.สุนทร คุณชัยมัง ผู้อำนวยการสถาบันนวัตกรรมและสร้างสรรค์ความรู้ (Innovation and Creativity in Knowledge Academy : ICIK) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์