ตัวแบบนวัตกรรมธุรกิจ
ตัวแบบธุรกิจ (Business Model)
ตัวแบบธุรกิจ คือ ชุดของกระบวนการจัดการหรือแบบแผนของการจัดการของธุรกิจที่ทำให้การทำงานบรรลุผลซึ่งความสำเร็จ ที่ครอบคลุมตั้งแต่การจัดการวัตถุดิบ การผลิต ผลผลิต หรือการจัดการทรัพยากรมนุษย์ การจัดการมาตรฐาน การตลาด และการสรุปผลการดำเนินงาน หรือการวิจัย การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การพัฒนาการตลาด การพัฒนาผลิตภาพ และการบริหารชื่อเสียงและภาพลักษณ์ ฯลฯ
ในบทนี้ จะขอกล่าวถึงตัวแบบธุรกิจในสถานการณ์การแข่งขันทางธุรกิจ 2 แบบ คือ แบบทั่วไป กับแบบธุรกิจดิจิทัล ซึ่งเป็นตัวแบบของธุรกิจที่มีความซับซ้อน ต่างไปจากการทำงานเชิงเดี่ยวของการจัดการองค์กรตามความเข้าใจทั่วไป
ตัวแบบ-แบบทั่วไป
Walmart Inc. หรือชื่อเดิม Wal-Mart Discount city (ที่ใช้ระหว่างปี ค.ศ. 1962-1969) Wal-Mart, Inc. (1969-1970) และ Wal-Mart Store Inc. (1970-2018) เป็นกิจการที่ริเริ่มขึ้นโดยสองพี่น้อง Sam Walton และ James Walton จากกิจการค้าปลีกเล็ก ๆ ในเมืองขนาดเล็ก ในรัฐอาร์คันซัส ของสหรัฐอเมริกา เมื่อปี ค.ศ. 1962 จนเป็นกิจการขนาดใหญ่-ข้ามชาติ ที่กระจายอยู่ 27 ประเทศทั่วโลกในปัจจุบันในธุรกิจ Hypermarkets or Supercenters, Discount department stores, และ Grocery stores ข้อมูล ณ ตุลาคม 2022 มีสาขาทั้งสิ้น 10,586 แห่ง มีการจ้างงาน 2,100,000 คน ข้อมูลจากสถิติของ Fortune Global 500 นิยามว่า Walmart เป็นกิจการค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดของโลก มีรายได้/ยอดขาย 648.12 พันล้านเหรียญสหรัฐ (รายได้ปี ค.ศ. 2024)
Sam Walton จบการศึกษาจาก University of Missouri เคยเริ่มทำงานกับ J.C Penny อยู่ 18 เดือน ก่อนที่ไปเป็นทหารในช่วงสงครามโลก Sam กับภรรยา (Helen Walton) เริ่มกิจการร้านขายสินค้าแบบ Variety store ที่เมืองเล็ก ๆ ที่มีประชากรประมาณ 7,000 คน ที่ชื่อ Newport, Arkansas ในปี ค.ศ. 1945 จากการซื้อ แฟรนไชส์จาก Butler Brother ที่ชื่อว่า Ben Franklin Store พร้อมกับเช่าที่เปิดร้านโดยสัญญาเช่า 5 ปี ร้านของเขาขายของดีมาก มียอดขายเป็นที่หนึ่งของเครือข่ายแฟรนไชส์ของ Butler Brother ในมลรัฐ Arkansas (รวมทั้งรัฐใกล้เคียง 6 รัฐ) แม้จะต้องจ่ายค่าเข่าที่แพงมาก คิดเป็น 5% ของยอดขาย Sam เรียนรู้ทุกอย่างจากทุกคนรอบข้าง เรียนระบบงานแฟนไชส์ทั้งบัญชีการเงิน รับ/จ่าย บัญชีสินค้า และคู่มือบริหารจาก Butler Brother ความรู้เรื่องการค้าปลีกจากเอกสารเผยแพร่และคู่แข่ง ซึ่งก็คือ ร้าน Sterling Store ของ John Dunham (การตั้งราคา การจัดวางสินค้า) เขาใช้เวลาเพียงปีเดียวสามารถสร้างยอดขายได้มากกว่า Sterling Store ของ John Dunham Sam มักจะใช้สรรหาสินค้าต่าง ๆ จากแหล่งผลิตที่พอจะจัดหามาได้เองแทนที่จะพึ่งพาการจัดหาโดยเครือข่ายของแฟรนไชส์ อันเป็นที่มาที่ทำให้เขาพบแนวทางการบริหารราคาสินค้าที่สามารถขายได้ต่ำท้องตลาด (คู่แข่งขันที่พึ่งพาระบบแฟรนไชส์อย่างเดียว) และเปิดร้านที่สองขึ้นในย่านเดียวกัน ที่ชื่อว่า Eagle store เพื่อรองสินค้าราคาถูกที่ไม่ใช่ตามช่องทางของแฟรนไชส์ (เป็นที่ทดลองของ Discount store) ประสบการณ์เหล่านี้ เป็นที่มาของ Everyday Low Prices ที่ไม่ใช่การลดราคาเพียงบางรายการ เพียงบางช่วงเวลาตามเทศกาลแบบเป็นแคมเปญ
แต่ปรากฏว่า เมื่อครบสัญญาเช่า เขาไม่สามารถต่อสัญญาได้ เพราะเจ้าของขอซื้อกิจการ Sam กับ Helen จึงต้องย้ายจากเมือง Newport ไปเริ่มตั้งร้านใหม่ที่เมืองที่มีขนาดเล็กมาก มีประชากรเพียง 3,000 คน มีความเป็นชนบทมากกว่า Newport คือ Bentonville, Arkansas ร้านที่เปิดใหม่ชื่อ Walton’s Five and Dime โดยยังคงใช้บริการของ Butler Brother/ Ben Franklin Store ในปี ค.ศ. 1950 แต่ปรากฎว่า สินค้าขายดีมาก มีคนใช้บริการที่หลากหลาย รวมทั้งหญิงสูงวัย และต่อมาได้เปิด Walmart เป็น Discount store สาขาแรกที่เมือง Roger, Arkansas ในปี ค.ศ. 1962
Sam เริ่มขยายงานและเริ่มสรรหามืออาชีพเข้ามาช่วยบริหาร หลังจากดึงน้องชาย คือ James Walton เข้ามาร่วมงานตั้งแต่กิจการที่เมือง Newport หลักการคัดเลือกผู้บริหารร่วมงงานของ Sam คือ ให้ความสำคัญต่อความมุ่งมั่นตั้งใจมากว่าประสบการณ์ที่ตรงกับสาขานั้น ๆ ด้วยนิสัยที่เป็นคนจดบันทึก และสอบถามข้อมูล อ่านรายงานทุกเรื่อง และตรวจทานการคำนวณข้อมูลตัวเลขด้วยตนเอง ก่อนตัดสินใจ จึงทำให้เขาดูเหมือนเป็นคนจุกจิกจู้จี้ แต่สิ่งเหล่านี้เป็นนิสัยเบื้องต้นของนักธุรกิจ/เจ้าของกิจการที่คลุกกับงาน และรู้จักกับงานเป็นเบื้องต้น เมื่อรู้จักลักษณะของงาน จึงจะเข้าใจความจำเป็นในการใช้คนและการบริหาร รวมทั้งการให้บริการต่อผู้ซื้อ การขยายงานของ Walmart ยังคงรักษาหลักการของการบริการสำหรับเมืองขนาดเล็ก (เมืองที่มีประชากรประมาณ 5,000 คน) โดยที่สาขาของร้านจะอยู่ในรัศมีของการขับรถไม่เกิน 24 ชั่วโมงจากศูนย์กระจายสินค้า โดยสร้างพื้นที่ไปทีละรัฐ ทีละเขต จนกระทั่งเต็มตลาด จาก Arkansas ขยายไป Oklahoma และ Missouri (ตรงกันข้ามกับยุทธศาสตร์ของ Kmart ที่จัดตั้งสาขาให้กระจายไปทั่วประเทศ) พร้อมกับให้ความสนใจต่อการนำเอาระบบคอมพิวเตอร์จากระบบของ IBM เข้ามาช่วยกำกับงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบสินค้าคงคลัง สัดส่วนของยอดขายต่อสินค้าคงคลัง ซึ่งเปรียบเสมือนกลไกหลักของการจัดการการไหลเวียนสินค้าที่รองรับความต้องการของผู้ซื้อ-ผู้บริโภค
ในห้วงเวลาเดียวกันกับที่ Walmart เปิดสาขาแรกนั้น กิจการแบบ Discount store ที่มีอยู่ในขณะนั้น คือ เคมาร์ต (Kmart) จะเลือกให้บริการเฉพาะเมืองที่มีประชากรมากกว่า 50,000 คนขึ้นไป หรือ Gibson’s Discount Store ก็จะเลือกเมืองที่มีประชากร 10,000 คนขึ้นไป ปัจจุบัน Kmart มีสาขาให้บริการเพียง 6 สาขา ในสหรัฐอเมริกา 3 สาขา และใน US Virgin Islands ซี่งเป็นรัฐอาณานิคมของสหรัฐ อีก 3 สาขา ในขณะที่ Gibson ได้ปิดกิจการไปแล้วเมื่อปี ค.ศ. 2003 กิจการของ Sam เริ่มมีสาขาแบบ Walmart ซึ่งเป็นแบรนด์ของ Discount store ชื่อว่า Walton’s Five and Dime ที่เมือง Rogers, Arkansas ในปี ค.ศ. 1962 เป็นต้นมา หลังจากนั้น Sam เริ่มจัดทำแผนธุรกิจเพื่อขยายสาขา 50 สาขาต่อปี และจดทะเบียนหลักทรัพย์ในตลาดเมื่อ 1 ตุลาคม 1970 แทนการขยายทุนจากผู้ถือหุ้นจากแต่เดิมที่ขยายสาขาไปที่ไหน ก็จะระดมทุนเป็นครั้ง ๆ ไป
ผลความสำเร็จของ Sam Walton และ Walmart ข้างต้น Richard Tellow ได้รวมเป็น 1/7 กรณีความสำเร็จของนวัตกรรมธุรกิจ และการสร้างธุรกิจขนาดใหญ่ในระบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นต้นแบบของที่แตกต่างไปจากกรณีทั่วไป เพราะ Walmart เป็นกิจการค้าปลีกที่เกิดและขยายตัวจากภาคชนบทและเมืองเล็กของสหรัฐอเมริกา
4 ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนความสำเร็จและการเติบโตของ Walmart
ด้วยการที่เป็นห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ทำให้ครอบครองส่วนแบ่งทางการตลาดมากตามไปด้วยและยิ่งไปกว่านั้น ก็คือ การได้เปรียบในการที่มีข้อมูลฐานสำหรับโมเดลราคาสินค้า ทั้งจากฐานการปฏิบัติการที่กว้างใหญ่ และความหลากหลายรูปแบบของผลิตภัณฑ์ ในจำนวนร้าน/ห้าง 12,000 แห่งทั่วโลก 4,600 แห่ง (38%) อยู่ในสหรัฐอเมริกา คู่ค้าสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลเพื่อเปรียบเทียบให้ได้มาซึ่งราคาต่ำสุดได้ไม่ยากนัก และเพื่อความสะดวกสำหรับคู่ค้าที่ต้องการเข้าถึงคุณภาพและราคาที่สมเหตุผล Walmart จึงจัดรูปแบบของการบริการออกเป็น 3 แบบ เพื่อมุ่งสนองตอบต่อคน Gen Y และคนชั้นกลาง คือ
Supercenters เป็นบริการแบบ one-stop shopping experience and combine a grocery store ที่มีความสด เบเกอรี ผลิตภัณฑ์นม เครื่องไฟฟ้า เครื่องแต่งกาย ของเล่นและอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน ฯลฯ มีบริการอื่นประกอบด้วย เช่น บริการธนาคาร ร้านตัดผมทำเล็บ ภัตตาคาร และร้านแว่นตา พร้อมให้บริการแบบตลอด 24 ชั่วโมง
Discount stores เป็นบริการแบบ Walmart ดั้งเดิมที่จัดตั้งขึ้นที่เมือง Roger, Arkansas เป็นร้านที่มีพื้นที่เล็กกว่า Supercenters ใช้พื้นที่ขนาด 106,000 ตารางฟุต จ้างพนักงานประมาณ 200 คน เพื่อบริการอำนวยความสะดวกในการหาสินค้าและสร้างความพึงพอใจสูงสุดสำหรับลูกค้า พร้อมบริการเครื่องไฟฟ้า เครื่องแต่งกาย ของเล่น ของตกแต่งบ้าน สินค้าด้านความสวยงานและสุขภาพ และเครื่องมืออุปกรณ์ ฯลฯ
Neighborhood markets เป็นบริการสำหรับผลิตภัณฑ์ตามความจำเป็นทั่วไปของชุมชน ที่เป็นสินค้าเกี่ยวยา ร้านชำและของสด เนื้อ เบเกอรี ผลิตภัณฑ์ของใช้ประจำวันและสินค้าทั่วไป ใช้พื้นที่ขนาด 38,000 ตารางฟุต มีพนักงานส่งเสริม-แนะนำ 95 คน
Walmart มีคลังหรือศูนย์กระจายสินค้า (Distribution centers) จำนวน 150 แห่ง แต่ละแห่งใช้พื้นที่ 1 ล้านตารางฟุต พนักงานประมาณ 600 คนสำหรับขนสินค้า และ 200 คน สำหรับการสนับสนุนเคลื่อนย้าย เป็นกลไกในการจัดการ Supply chain management เพื่อบริหารร้านค้า คลับ (Walmart family and entrepreneurs – 650 คน อยู่ในอเมริกา 100 คนอยู่ตามประเทศต่าง ๆ) และผู้ขนส่ง ที่มีรถบรรทุก 6,100 คัน รถแบบหัวลาก 61,000 คัน และคนขับรถ 7,800 คน เพื่อจัดบริการกระจายสินค้ากลุ่มสินค้าทั่วไป ผักอบแห้ง ผักเน่าเสียง่าย และสินค้าพิเศษ มีศูนย์กำกับอุบัตุเหตุ 6 แห่งครอบคลุมพื้นที่ของสหรัฐอเมริกา เพื่อสนับสนุนและขนส่งต่อหากมีอุบัตุเหตุเกิดขึ้น บริการของศูนย์หนึ่ง ๆ จะรับผิดชอบร้านค้า 90-100 ร้านในรัศมี 150 ไมล์ ด้วยระบบการจัดการคลัง-ขนส่ง-รถ-คนขับด้วยตนเองและระบบที่ดีของ Walmart (ลดการขนส่งรถเปล่า/ลดพลังงานเชื้อเพลิง/ส่งมอบสินค้าให้เป็นไปตามแผนงานมากที่สุด) มีการวัดผลประสิทธิภาพในระหว่างปี ค.ศ. 2005-2014 พบว่า เป็นระบบที่มีประสิทธิผลมากถึง 84% ของแผนงาน
ค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่ต่ำของการบริหารจัดการของ Walmart เป็นผลมาจากการคำนึงถึงเงื่อนไขจากเรื่องต่าง ๆ ตามความเกี่ยวข้องทั้งการได้มาซึ่งสินค้า คุณภาพ ราคา และความเป็นได้ในการแข่งขัน การทำงานของพนักงานที่ประสิทธิภาพและเหมาะสมกับค่าจ้าง/ค่าตอบแทน เป็นการบริหารจัดการสถานการณ์ตามความกดดันให้มีต้นทุนที่ต่ำ เป็นผลทำให้ Walmart สามารถจ่ายค่าจ้างต่อคนในอัตราที่สูงโดยยังคงสร้างกำไรได้อย่างต่อเนื่อง
ยุทธศาสตร์การจัดการทรัพยากรมนุษย์ของ Walmart ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานทางการเงินที่มีความสัมพันธ์ลักษณะของคุณภาพ/ผลิตภาพของงานบริการ ทั้งในขั้นตอนจัดหาสินค้า การกระจายสินค้า และการให้บริการคู่ค้าและลูกค้าในร้านประเภทต่าง ๆ รวมทั้งในระบบตลาดออนไลน์ หรือ E-commerce ที่เปิดให้บริการใหม่ ทำให้ Walmart สามารถต่อรอง-มีอำนาจต่อรองกับ Suppliers ที่จะดำเนินงานให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ว่าด้วย Everyday Low Prices
อนึ่ง เรื่องของ Sam’s club & entrepreneurs มีความสำคัญต่อ Brand ของ Walmart มาก เพราะเป็นที่ที่มีกิจกรรมที่มีความเกี่ยวข้องกับการทำงานของ Walmart กิจการหลักของ Sam Club คือ การดำเนินธุรกิจค้าส่ง (Wholesale) สำหรับสมาชิก 599 ราย กระจายอยู่ใน 45 มลรัฐ มีการจ้างงานพนักงานส่งเสริมการขาย/การตลาด 100,000 คน ในสหรัฐอเมริกา ใช้พื้นที่ประมาณ 134,000 ตารางฟุต ให้บริการผลิตคุณภาพสูง – ร้านขายของชำที่ขายของเป็นแพ็ค/เป็นชุด, สินค้าที่กินได้ (Consumerables) สินค้าทั่วไป บริการเฉพาะอย่าง เช่น ท่องเที่ยว การซื้อขายรถยนต์ ยา แว่นตา การช่วยเหลือการได้ยิน ยางและแบตเตอรี และศูนย์บริการสนับสนุนธุรกิจ อันเป็นธุรกิจที่สนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs และกิจการที่เกี่ยวข้องมากกว่า 500,000 ราย นอกจากนี้ยังมีผู้ประกอบการรายย่อยแบบ Microenterprise การริเริ่มธุรกิจใหม่ การบริจาคเพื่อการกุศล การวิจัยและสร้างความสัมพันธ์กับผู้มีส่วนได้เสีย
นอกจาก การทำหน้าที่เป็นคลังสินค้าและบริการพิเศษสำหรับลูกค้าแบบสมาชิก ที่ต้องการใช้สินค้าเป็นจำนวนมาก แล้วยังมีบริการเป็นชุมชนสำหรับการสื่อสารสำหรับคนทำงานที่ต้องการเทคนิค ทักษะ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น เช่น เคล็ดลับการปรับปรุงประสิทธิภาพ บนแพลตฟอร์ม Workplace (Application ในเครือของ Meta – แต่ประกาศยุติการให้บริการใน 31 สิงหาคม 2025) การจัดสินค้าคู่กันเพื่อโปรโมทลดราคาเป็นพิเศษ เช่น ชีสกับไวน์ รวมทั้งการสร้างวัฒนธรรมร่วมในองค์กร เช่น CEO เข้าไปทักทายแบบ Stream สดในช่องทางการสื่อสารนี้เพื่อลดความเป็นทางการ ของการสื่อสารในองค์กร ฯลฯ
McDonald’s Corporation เป็นธุรกิจอาหารแบบ Fast food chain ที่จัดตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1940 โดยแรกเริ่มเป็นกิจการแบบ “ภัตตาคาร” (Restaurant) โดยการริเริ่มของสองพี่น้อง Richard McDonald และ Maurice McDonald ในย่าน San Bernardino ของมลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ต่อมาบริษัทได้ปรับเปลี่ยนลักษณะของธุรกิจโดยมี Hamburger เป็นเมนูหลัก และริเริ่มขยายกิจการด้วยระบบ Francise ในปี ค.ศ. 1955 เริ่มจากเมือง Phoenix มลรัฐอริโซนา จากการนำพาของ Ray Kroc นักธุรกิจที่เข้ามาร่วมลงทุนเป็น เอเยนต์เฟรนไชส์นี้ในปี ค.ศ. 1961 พร้อมซื้อกิจการจากสองพี่น้อง McDonald และในปี ค.ศ. 2018 ได้ย้ายสำนักงานใหญ่ไปอยู่ที่ Oak Brook, ไม่ห่างจากชิคาโก มลรัฐอิลลินอยส์
นอกจากการสร้างรายได้จากสิทธิและการจัดการเฟรนไชส์แล้ว 70% ของอาคาร ร้านที่ให้บริการของบริษัท และ 45% เป็นที่ดินของบริษัท ผลประกอบการ ณ ปี ค.ศ. 2023 บริษัทมีรายได้จากการขายทั้งสิ้น 25.49 พันล้านเหรียญสหรัฐ มีการจ้างงาน 150,000 คน มีผลิตภัณฑ์ให้บริการ Burgers, French fries, Soft drinks, Salads, Cofee, Breakfast เป็นธุรกิจอาหารแบบร้าน-ภัตตาคารที่มีห่วงโซ่ใหญ่ที่สุดของโลก มีคู่ค้า 69 ล้านราย มีร้านมากกว่า 40,000 ร้าน ครอบคลุม 100 ประเทศทั่วโลก (ข้อมูล ณ ปี ค.ศ. 2021)
กล่าวได้ว่า McDonald ได้สร้างตัวแบบของการเพิ่มช่องทางในการสร้างรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ (ตามเมนูอาหารและเครื่องดื่ม) โดยตรงแล้ว ยังสร้างช่องทางขึ้นใหม่ขึ้นอีกจากการบริการสิทธิของแฟรนไชส์ การบริหารงานตามห่วงโซ่ของงานตามเครือข่ายแฟรนไชส์ บริษัทยังมีรายได้จากการเช่าอาคารและที่ดิน (จากผู้ซื้อสิทธิแฟรนไชส์)
อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาสถานการณ์การประกอบธุรกิจของ McDonald พบประเด็นท้าทายใหม่ คือ รายได้จากแฟรนไชส์ และจากการเช่าอาคารและที่ดิน ยังเป็นรายได้ที่ไม่คุ้มทุนที่ลงทุนไป อีกเรื่องหนึ่ง คือ การเข้มงวดการจัดซื้อผักและมะเขือเทศ และวัตถุดิบจาก Supplier โดยที่ McDonald บริหารงานโดยรวมศูนย์การตัดสินใจซื้อไว้กับระบบรวมศูนย์ จะไม่ซื้อวัตถุดิบจาก Supplier ที่ไม่มีการพัฒนาผลิตภาพและเทคโนโลยี (Ge, 2023)
KFC Corporation, คำย่อคำว่า KFC คือ Kentucky Fried Chicken ธุรกิจร้านอาหารแบบเฟรนไชส์ที่เป็นลำดับ 2 ของโลก รองจาก McDonald (วัดจากยอดขาย) เป็นกิจการที่ริเริ่มโดย Colonel Harland Sander เมื่อปี ค.ศ. 1930 ในย่าน Louisvelle เมือง Kentucky โดยเริ่มปรับเปลี่ยนธุรกิจเป็นุรกิจเฟรนไชส์ในปี ค.ศ. 1952 ปัจจุบัน มีร้านบริการมากกว่า 30,000 ร้าน ครอบคลุม 150 ประเทศทั่วโลก มีรายได้จากการขาย 2.83 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ข้อมูล ณ เมษายน ค.ศ. 2024) โดย KFC เป็นแบรนด์ภายใต้ร่มธงของ Yum! Brands ที่รวม Pizza Hut และ Taco Bell ไว้ด้วยกัน
การขยายตัวของ KFC ที่ครอบคลุมประเทศต่าง ๆ กว่าค่อนครึ่งโลกนี้ ครอบคลุมทั้งประเทศพัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา การเปิดร้านขึ้นใหม่ ไม่เพียงแต่มีการจ้างงานใหม่ ยังเป็นปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามความเกี่ยวข้องไปด้วย แฟรนไชส์ของ KFC เป็นระบบที่มีการบริหารงานแบบเน้นการจัดการแบบเข้มข้น ทั้งเรื่องการเลือกสถานที่ การตกแต่ง เครื่องมืออุปกรณ์ การจัดการร้าน และการคัดเลือกพนักงาน ระบบการเตรียมงาน การปิดและการเปิดร้าน รวมทั้งหลังจากที่ร้านเริ่มสร้างกำไร บริษัทจะขายร้านเหล่านั้นให้ผู้ซื้อสิทธิแฟรนไชส์ไปบริหารจัดการต่อไป สำหรับนโยบายว่าด้วยการจัดซื้อวัตถุดิบ KFC ให้ความรู้เรื่องการจัดการมาตรฐานกับผู้ซื้อสิทธิแฟรนไชส์ และมอบให้เป็นการตัดสินใจของผู้ประกอบการเอง
KFC เลือกที่จะพัฒนาพื้นที่/ร้านจากการเช่าระยะยาวหรือซื้อที่ดินจัดทำร้าน โดยเงินลงทุนของบริษัท แล้วพัฒนาร้านให้เริ่มมีกำไร แล้วขายแฟรนไชส์ให้กับผู้ซื้อสิทธิแฟรนไชส์ โดยคิดราคาที่ดินที่เช่าหรือซื้อไว้ก่อนหน้านี้ตามราคาปัจจุบัน ที่พื้นที่ดังกล่าวมีมูลค่าทางการเงินที่แตกต่างไปจากเดิม
กล่าวโดยสรุป ตัวแบบธุรกิจของ 2 ยักษ์ใหญ่ในธุรกิจ Fast Food ที่ดูแล้วเหมือนกับว่า McDonald และ KFC จะดำเนินงานด้วยการพึ่งพาระบบแฟรนไชส์เหมือนกัน ต่างมีความเกี่ยวข้องกับการจ้างงานและการขับเคลื่อนห่วงโซ่เศรษฐกิจเหมือนกัน เป็นดัชนีชีวัดความนิยมการบริโภคและวัฒนธรรมอเมริกันเหมือนกัน ฯลฯ แต่มีการบริหารจัดการที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ในเรื่องของการตัดสินใจต่อการจัดหาวัตถุดิบ และการสร้างประโยชน์จากอสังหาริมทรัพย์ (และเทคนิคของการสร้างรายได้จากแฟรนไชส์)
ตัวแบบธุรกิจที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์ของนักธุรกิจก่อสร้างไทยของ บริษัท ฤทธา จำกัด ที่จัดตั้งโดยคุณสุวัฒน์ เชาว์ปรีชา ซึ่งจบการศึกษาด้านวิศวกรรมศาสตร์ – วิศวกรรมโยธา จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมีพื้นฐานครอบครัวเป็นเจ้าของกิจการเดินเรือขนส่งแม่น้ำเจ้าพระยามาก่อน มีประสบการณ์จากการทำงานข้าราชการกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม แล้วลาออกไปทำงานรับเหมาก่อสร้างกับบริษัทเอกชนทั้งของไทย และบริษัมร่วมทุนไทย-ญี่ปุ่น ทั้งงานถนน งานรันเวย์ฐานทัพอเมริกันที่อู่ตะเภา อุโมงค์ส่งน้ำของการประปานครหลวง งานก่อสร้างโรงเรียนนายร้อย จปร.ที่เขาชะโงก แล้วลาออกมาจัดตั้งบริษัทก่อสร้างของตนเอง พร้อมกับลูกน้อง 3-4 คน ชื่อ บริษัท ส ฤทธา จำกัด- เป็นคำที่มาจากภาษาสันสกฤตที่แปลว่า ความสำเร็จ เมื่อปี พ.ศ. 2532โดยมีงานแรก คือ อุโมงค์ส่งน้ำของการประปานครหลวง เป็น Sub-contractor บริษัทก่อสร้างญี่ปุ่น ราคาไม่กี่ล้านบาท งานที่ทำให้ ส ฤทธา เติบโตอย่างก้าวกระโดด คือ การรับงานก่อสร้างห้างเทสโก้ โลตัส ทั่วประเทศ 70-80 สาขา ทำให้บริษัทได้รับงานอื่น ๆ ตามมา และมีวิศวกร 700 คน มีคนงานนับหมื่นคน สร้างรายได้ปีละ 15,000 ล้านบาท
การบริหารงานก่อสร้าง บริษัทเน้นให้ความสำคัญต่อคุณภาพ ราคา บริการ และการบริการหลังการขาย ไม่ใช่กำไรสูงสุด ดูแลพนักงาน จ่ายเงินให้ตรงเวลา ไม่เอาเปรียบพนักงาน จึงได้ทีมงานที่มีคุณภาพและจริงใจกับองค์กร งานก่อสร้างจะเน้นงานโครงสร้าง ไม่รับงานเขื่อนหรือถนน เน้นตึกสูง ศูนย์การค้า คอนโดหรู อาคารที่อยู่อาศัย และโรงพยาบาล
บริษัทสร้างพันธสัญญาร่วมกันในผู้ถือหุ้นว่า 10 ปีแรก จะไม่ปันผล และจะไม่เอาเงินทุนออกมาใช้ จึงเหลือเงินเป็นกองทุนเป็น 100 ล้านบาท ทำให้บริษัทผ่านพ้นต่อวิกฤติ 2540 มาได้ สุวัฒน์ เชาว์ปรีชา (2561) ยืนยันว่า “เราไม่นิยมรับงานเกินตัว ไม่เคยใช้เงินผิดประเภท …ตั้งแต่ตั้งบริษัทมาไม่เคยผิดนัดแต่ครั้งเดียว ไม่เคยจ่ายเช็คเด้งแม้แต่ใบเดียว…” (ไทยรัฐ, 2561) ปัจจุบัน (ข้อมูลจากงบการเงิน ปี พ.ศ. 2566) มีมูลค่าทรัพย์สินมากกว่า 12,287 ล้านบาท
อีกกิจการหนึ่ง เป็นกรณีความสำเร็จของบริษัท ไซมีส แอสเสท จำกัด ที่จัดตั้งขึ้นโดยคุณขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ วิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ของผู้ถือหุ้นใหญ่ของ บริษัท ฤทธา จำกัด ได้ชักชวนผู้ถือหุ้นใหญ่ทั้งสี่คน จัดตั้งบริษัทขึ้นใหม่ เพื่อรุกเข้าสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่ฤทธา อยู่ในธุรกิจก่อสร้างขนาดใหญ่ และดูเหมือนจะอิ่มตัวสำหรับการเติบโตแล้ว เพราะบริษัทมียอดขายอยู่ในระดับหมี่นล้าน มีวิศกร และ Technician 2,500 คน มีคนงานระดับแรงงานรายวัน 4 หมื่นคน ประเด็นสำคัญในทัศนะของคุณขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ คือ ในธุรกิจก่อสร้างที่รับจ้างสร้างอาคารที่พักอาศัยแบบคอนโดหรู ในงานก่อสร้างที่ฤทธาสามารถสร้างรายได้ต่อตารางเมตร จะอยู่ที่ 20,000 – 25,000 บาท ในขณะที่โอกาสสร้างรายได้ของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะอยู่ที่ 200,000 – 250,000 บาท จากโอกาสแบบนี้ เราจะใช้เวลาสร้างธุรกิจหมื่นล้านในเวลา 10 ปี ต้องทำให้ได้ในช่วงเวลาครึ่งหนึ่งของการเดินทางของ ฤทธา (สัมภาษณ์คุณขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ โดย Error! Hyperlink reference not valid. 13 มกราคม 2011)
กิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไซมีส แอสเสท เริ่มขึ้นเป็นโครงแรกในปี พ.ศ. 2553 โดยมีแนวทางการว่าจ้างงานก่อสร้าง เป็นการจ้าง ฤทธา โดยข้อมูล ณ มิถุนายน 2567 บริษัทมีมูลค่าสินทรัพย์รวม 22,457.36 ล้านบาท มีรายได้ครึ่งปี 2,183.9 ล้านบาท เป็นบริษัทจดทะเบียนหลักทรัพย์ในตลาด
กล่าวโดยสรุป ทั้ง 2 กรณี เป็นตัวอย่างของการสร้างธุรกิจหมื่นล้านบาทจากพื้นฐานของความสามารถจากการประกอบการและวิชาชีพ ไม่ใช่งานรับเหมาจากงานรัฐบาลหรือประมูล-สัมปทาน โดยเฉพาะอย่าง การบริหารงานที่อาศัยโอกาสจากการได้รับจากคู่สัญญา แล้วสร้างคุณค่าของกิจการขึ้นใหม่ให้เป็นทุนอีกก้อนหนึ่ง เป็นทุนของการสะสมความเชื่อถือระหว่างผู้บริหาร ผู้บริหารกับผู้ถือหุ้น คู่ค้าคู่สัญญา-ผู้ว่าจ้าง และพนักงาน ฯลฯ ซึ่งก็คือ การจัดการงานตามกรอบธรรมาภิบาลเบื้องต้น ซึ่งตรงกันข้ามกับบริษัทรับเหมาก่อสร้างแบบรับงานประมูลภาครัฐ ที่มักจะมีข่าวเรื่อง % หัวคิว และคอร์รัปชัน รวมทั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นจากงาน ที่ส่งผลต่อคุณภาพของโครงการต่าง ๆ อันเป็น Public good
การส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน ผลิตภัณฑ์ชุมชน หรือผลิตภัณฑ์ตำบล หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า OTOP นั้น โดยส่วนใหญ่จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นโดยผู้ประกอบการทั้งที่เป็นวิสาหกิจครัวเรือน และวิสาหกิจชุมชน หรือกลุ่มชุมชนที่รวมตัวกันขึ้นเป็นองค์กรแบบต่าง ๆ กรณีความสำเร็จของการประกอบธุรกิจที่เป็นตัวแบบธุรกิจในกรณีนี้ เป็นกรณีศึกษาของ วิสาหกิจชุมชนชีววิถีตำบลน้ำเกี๋ยน ตำบลน้ำเกี๋ยน อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน ที่จัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2550 ซึ่งบริหารงานโดยคุณชูศิลป์ สารรัตนะ ประธานกรรมการ และคุณศิรินันท์ สารมณฐี ผู้จัดการ ที่แปรรูปสมุนไพรและวัสดุธรรมชาติของท้องถิ่นให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าทางการตลาดและสุขภาพ ทั้งเวชสำอาง และเครื่องดื่ม ด้วยกระบวนการผลิตที่ได้รับการรับรองมาตรฐานทั้งมาตรฐานผลิตภัณฑ์ มาตรฐานการผลิต เช่น GMP และมาตรฐานอาหารและยา รวมทั้งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับรางวัลจากการประกวดในด้านต่าง ๆ
การที่วิสาหกิจชุมชนน้ำเกี๋ยนได้รับการรับรองมาตรฐานดังกล่าว จึงทำให้ได้รับโอกาสเข้าร่วมงานเป็นพันธมิตรคู่ค้ากับบริษัทเจ้าของผลิตภัณฑ์แบรนด์เนมต่าง ๆ มากกว่า 20 แบรนด์ที่ต้องการผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบจากธรรมชาติ อินทรีย์ และมีกระบวนการทำงานได้มาตรฐาน จึงทำให้วิสาหกิจนี้สามารถสร้างงาน สร้างรายได้ และอาชีพที่ที่มั่นคงให้กับสมาชิก และธุรกิจของวิสาหกิจที่ทำหน้าที่แปรรูปผลผลิต การตลาด และขาย เช่น รายได้จากการประกอบการในปี พ.ศ. 2566 จำนวน 40 ล้านบาท 40 % ของรายได้มาจากการรับจ้างผลิตแบบ OEM กับแบรนด์ต่าง ๆ ส่วนที่เหลือ โดยส่วนใหญ่ก็จะเป็นไปตามการขายผ่านช่องทางดมเดิร์นเทรด ซึ่งก็เป็นผลมาจากการได้รับมาตรฐานเช่นเดียวกัน
ความสำเร็จของวิสาหกิจชุมชนน้ำเกี๋ยน เป็นไปในลักษณะเดียวกับความสำเร็จของ บริษัท คุณเก๋ ขนมหวาน จำกัด เป็น SMEs ที่จัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2553 เป็นธุรกิจแบบพันธมิตรคู่ค้ากับ 7-11 ที่ทำขนมหวาน-ขนมไทยที่ผลิตจากวุ้นมะพร้าว กะทิ และมีส่วนผสมใจจากใบเตย มีผลิตภัณฑ์หลักที่สร้างรายได้ให้บริษัท คือ วุ้นเป็ดกะทิมะพร้าวน้ำหอม สาคูเปียกข้าวโพด ข้าวโพดมะพร้าวอ่อนกะทิสด
ผลประกอบการตั้งแต่ปี 2561 – 2566 ธุรกิจของเก๋ขนมหวาน เติบโตอย่างต่อเนื่อง-ก้าวกระโดด จากรายได้รวมในปี 2561 เพียง 64.9 ล้านบาท เป็น 273.8 ล้านบาท ในปี 2566 (เปลี่ยนแปลงไปในอัตราที่เพิ่มขึ้น 321.8%) สัดส่วนกำไรขั้นต้นต่อยอดขายรวมในระหว่างช่วงเวลาดังกล่าว ก็เพิ่มขึ้นจาก 19.89% เป็น 27.92% เป็นผลมาจากแผนพัฒนาธุรกิจที่บริษัทได้กำหนดไว้เป็น 3 Phase ช่วงแรก (2566) ก้าวสู่ No.1 ในธุรกิจขนมไทยใน 7-11 และ สร้างแบรนด์ใหม่เพื่อเพิ่ม Value-added ช่วงที่สอง (2567-2570) ขยายกำลังการผลิต และเพิ่ม Connection จัดการ Supply chain ช่วงที่สาม (2571) พัฒนาระบบแวดล้อมที่รองรับต่อธุรกิจขนมหวานไทยครบวงจร
การร่วมงานแบบพันธมิตรคู่ค้ากับ 7-11 ทำให้บริษัท มีโอกาสสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อรองรับความต้องการทางการตลาดและเป็นไปตามแผนธุรกิจที่วางแผนร่วมกับ 7-11 อย่างใกล้ชิด จากผลงานของการดำเนินงาน งานมาตรฐานผลิตภัณฑ์ และกระบวนการผลิต พร้อมทั้งรางวัลต่าง ๆ ทำให้บริษัทได้รับโอกาสจาก 7-11 คัดเลือกเป็นหนึ่งในผู้ผลิตขนมในแบรนด์ร่วมที่เรียกว่า EZY SWEET ซึ่งเป็นไปตามหลักของการจัดการแบรนด์ที่เป็น Co-branding
กล่าวโดยสรุป จากทั้ง 2 กรณีข้างต้น ด้านหนึ่ง เป็นเรื่องของการทำงานหลังจากการได้รับการรับรองมาตรฐาน + การบริหารจัดการตามผลงานความสามารถของกิจการ อีกด้านหนึ่ง เป็นการต่อยอดของ “โอกาสทางธุรกิจ” (Opportunities) ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานใหม่ (เฉพาะผู้ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานและมีผลงานร่วมกับคู่ค้า หรือเรื่องของ “ความเชื่อถือ” (Trust)
<hr>
อ้างอิง
สุนทร คุณชัยมัง.
ตัวแบบนวัตกรรมธุรกิจ = Innovative business model. — ปทุมธานี : สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยรังสิต, 2567. 165 หน้า.
…………….……
เรียบเรียงโดย
ดร.สุนทร คุณชัยมัง
ผู้อำนวยการสถาบันนวัตกรรมและสร้างสรรค์ความรู้
(Innovation and Creativity in Knowledge Academy : ICIK)
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์