(1) ความเป็นมา
ยิปซัมสังเคราะห์ เป็นวัตถุพลอยได้จากกระบวนการผลิตของเหมืองถ่านหินของเหมืองแม่เมาะ จังหวัดลำปาง ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าที่สำคัญของภาคเหนือ โดยการพัฒนายิปซัมสังเคราะห์ เป็นผลมาจากการเปลี่ยนจากเป็นวัสดุปรับปรุงดิน และพัฒนาต่อยอดมาตั้งแต่ พ.ศ. 2556-ปัจจุบัน ยิปซัมสังเคราะห์จะช่วยแก้ปัญหาดินเป็นกรดจากอลูมิเนียม และช่วยเพิ่มธาตุรอง Ca (แคลเซียม) และ S (กำมะถัน) โครงการดังกล่าว เป็นผลมาจากการวิจัยที่พัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่
(2) การดำเนินกิจการ
แบ่งออกเป็น 4 โครงการย่อย ได้แก่
โครงการที่ 1 การวิจัยการใช้ยิปซัมสังเคราะห์ในการเกษตร ในพื้นที่ไร่นาของเกษตรกรในจังหวัดลำปาง โดยศึกษาการตอบสนองของพืชไร่เศรษฐกิจสำคัญของภาคเหนือ 3 ชนิด คือ อ้อย, ข้าวโพด และถั่วลิสง (ทั้งฤดูฝนในที่ดอนและฤดูแล้งในนาข้าว) ที่ปลูกในดินที่มีปัญหาซึ่งเหมาะสมที่จะแก้ด้วยยิปซัม และผลกระทบของการใช้ยิปซัมสังเคราะห์ต่อสมบัติของดิน ในระยะ 3 ปี พบว่า อ้อย ในพื้นที่ดินร่วน การใส่ยิปซัมสังเคราะห์ทั้งแบบใส่เดี่ยวและส่วนผสมกับปูนเกษตร ทำให้ผลผลิตอ้อยเพิ่มขึ้นร้อยละ 38.0-45.8 ส่วนในดินร่วมเหนียว
การใส่ยิปซัมสังเคราะห์ผสมกับปูนเกษตรไม่ทำให้ผลผลิตอ้อยเพิ่มขึ้น แต่การใส่ยิปซัมสังเคราะห์อย่างเดียวทำให้ผลผลิตอ้อยเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.5 ข้าวโพด ผลผลิตข้าวโพดเพิ่มขึ้นมากที่สุดในแปลงดินร่วนเหนียว ผลผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 48.8 ตามด้วยดินร่วนทราย โดยการใส่ยิปซัมสังเคราะห์ในอัตรา 500 กิโลกรัมต่อไร่ผสมกับปูนเกษตร 543 กิโลกรัมต่อไร่ ถั่วลิสง ในดินร่วนเหนียวโดยการใส่ยิปซัมสังเคราะห์และการใส่ยิปซัมสังเคราะห์ผสมปูนเกษตร 25 กิโลกรมต่อไร่ ทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.2-21.8
โครงการที่ 2 การขยายผลการวิจัยสู่การใช้ยิปซัมสังเคราะห์ในอุตสาหกรรมน้ำตาล ระยะเวลาดำเนินการ 1 ปี 5 เดือน (สิงหาคม พ.ศ. 2559-ธันวาคม พ.ศ. 2560) โดยศึกษาการตอบสนองของอ้อยบริเวณพื้นที่ปลูกของโรงงานน้ำตาลในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ซึ่งผลการทดลองได้แนวโน้มที่ดีมาก
ในแปลงทดลองที่ใส่ยิปซัมสังเคราะห์มีผลผลิตเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 1.66 ตันต่อไร่ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.27 เมื่อเทียบกับแปลงทดลองที่ถูกดูแลในแบบเดียวกันแต่ไม่ได้ใส่ยิปซัมสังเคราะห์
โครงการที่ 3 การขยายผลงานการวิจัยสู่การใช้ยิปซัมสังเคราะห์ในอุตสาหกรรมน้ำตาล ปีที่ 2 ระยะเวลาดำเนินการ 1 ปี (พ.ศ. 2560-2561) ศึกษาการตอบสนองของอ้อยบริเวณพื้นที่เดิม ซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกของโรงงานน้ำตาลในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน สำหรับในการติดตามผลปีที่ 2 ผลการทดลองยังคงให้ผลเป็นไปในทางบวก โดยแปลงทดลองที่ใส่ยิปซัมสังเคราะห์มีผลผลิตเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 3.6 ตันต่อไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 30.0 เมื่อเทียบกับแปลงทดลองที่ถูกดูแลในแบบเดียวกันแต่ไม่ได้ใส่ยิปซัมสังเคราะห์
โครงการที่ 4 การใช้ยิปซัมสังเคราะห์เพื่อเพิ่มผลผลิตข้าวหอมมะลิ ระยะเวลาดำเนินการ 1 ปี 9 เดือน (กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564-ตุลาคม พ.ศ. 2565) โดยศึกษาเพื่อหาข้อมูลวิธีการใช้ยิปซัมสังเคราะห์ที่เหมาะสมกับดินเค็มและไม่เค็มที่ใช้ปลูกข้าวหอมมะลิในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ทำให้ผลผลิตข้าวในดินแต่ละชนิด มีผลผลิตเพิ่มขึ้นอย่างน้อยร้อยละ 10.0-20.0
การค้นพบข้อมูลจากการศึกษาวิจัย จึงทำให้ กฟผ.แม่เมาะ ริเริ่มนำเอายิปซั่มสังเคราะห์นี้ไปใช้ประโยชน์ในการฟื้นฟูพื้นที่รอบเหมืองร่วมกับกรมป่าไม้ และวิสาหกิจชุมชน
(3) ผลความสำเร็จ
กฟผ. ได้ริเริ่มงานพัฒนายิปซั่มสังเคราะห์เพื่อส่งเสริมการทำปุ๋ยแล้วรับซื้อปุ๋ยจากชุมชน เพื่อใช้ประโยชน์ในการปลูกต้นไม้ในพื้นที่เพื่อฟื้นฟูสภาพเหมือง ซึ่งดำเนินไปแล้วไม่น้อยกว่า 25,000 ไร่ กิจการดังกล่าว ด้านหนึ่ง เป็นการใช้ประโยชน์จากผลพลอยได้จากเหมือง และอีกด้านหนึ่ง ก็สร้างรายได้ให้กับชุมชนในการทำปุ๋ยเพื่อขายให้กับโครงการฟื้นฟูเหมืองของ กฟผ. (กองธุรกิจวัตถุพลอยได้ ฝ่ายจัดการธุรกิจ, 2564, น. 1-11)
บรรณานุกรม
กองธุรกิจวัตถุพลอยได้ ฝ่ายจัดการธุรกิจ. (2564). รายงานสรุปผลโครงการ Mae Moh Smart City.
…..……………
เรียบเรียงโดย
ดร.สุนทร คุณชัยมัง
ผู้อำนวยการ สถาบันนวัตกรรมและสร้างสรรค์ความรู้ (ICIK Academy)